วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

LAST 9 :: TK

FIC :: LAST 9

COUPLE :: TK

-9-



ไดอารี่ปกแดงถูกจดบันทึกหน้าแล้วหน้าเล่า ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากคนเขียนหลังไปประสบพบเจอมา มีทั้งดีและร้ายจากอดีต เพื่อให้กลายเป็นความทรงจำที่ทรงคุณค่าและย้ำเตือนกับคนเขียนถึงอดีตให้เรียนรู้ไปจนถึงอนาคตที่ไม่อาจคาดเดาได้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงมันจากการกระทำที่กำลังเกิดภายในอนาคต...ผลกระทบที่เคย “เลือก” ความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดในอดีต อนาคตที่ไม่ได้มีเพียงแค่เส้นทางเดียว...เส้นทาง “สุดท้าย” ที่ควรไป...

.

.

“อ่า!...ปวดหัวชะมัดเลย”
ดวงตาที่ปิดสนิทๆค่อยปรือขึ้นที่ละน้อยเพื่อลุกขึ้นมาสู้กับแสงตาในยามตะวันทอแสงพร้อมอาการหนักศีรษะจากการเมาค้างเพราะเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา อ๊ก แทคยอนดื่มแอลกฮอกล์จนเกินลิมิตของตัวเขาเองมากเกินจะรับไหว

“ตื่นแล้วงั้นหรอ?”
ซุปใสแก้อาการเมาค้างวางลงข้างเตียงอย่างเงียบๆ พร้อมน้ำเสียงและใบหน้าที่ไม่สู้ดีนักของคนเอ่ยปากทักทายอย่างนิชคุณ ใบหน้าหวานแสดงอาการเป็นห่วงคนขี้เมาออกทางสีหน้าอย่างปิดไม่มิด มือขาวยื่นซุปไปตรงหน้าร่างสูงในขณะที่กำลังร้อนพอดีโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก

“ขอบคุณ...เมื่อคืนฉันคงเมามากไปหน่อยจนกลายเป็นภาระให้นาย ขอโทษทีนะ”
รับถ้วยมาถือเอาไว้ก่อนจะค่อยๆดื่มน้ำซุปร้อนๆ ไล่อาการเมาค้างของตนเองด้วยความสำนึกผิดที่ต้องกลายเป็นภาระให้นิชคุณซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่เรื่อยไป

“......”
ริมฝีปากแดงไม่ได้ขยับเอ่ยออกเสียงตอบรับหรือปฎิเสธใดๆมา ใบหน้าหวานเพียงแค่มองจ้องอากัปกิริยาของอีกฝ่ายเงียบๆเท่านั้น แล้วลุกขึ้นยืนเตรียมเดินหนีแทคยอนหลังจากรับถ้วยซุปเปล่ากลับคืนมา

“ไม่คิดจะพูดอะไรกันหน่อยหรือยังไง?”
ดึงรั้งข้อมือคนปิดปากเงียบเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน พร้อมเอือมมืออีกข้างไปโอบรัดที่เอวคอดเอาไว้แน่นเพื่อกดใบหน้าคมเข้มลงกับท้องน้อยของนิชคุณโดยมีเพียงเสื้อกล้ามตัวบางกั้นเอาไว้อย่างเอาแต่ใจเท่านั้น

“จะให้พูดอะไรละ?...นายยังดูไม่ค่อยเป็นปกตินอนพักเถอะแทคฮยอน ให้ดีแล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย”
ไม่อยากพูดจาซ้ำไปซ้ำมา เซ้าซี้ให้แทคยอนต้องเกิดความรำคาญจากเหตุการณ์เมื่อคืน จึงเลือกที่จะปล่อยผ่านมันไป นิ้วมือขาวค่อยๆผลักกายของตนเองออกจากการถูกโอบกอดจากชายหนุ่มเพื่อเดินหนีไปอย่างไม่สนใจคำเรียกร้องของแทคยอนอีกเลย

.

.

“เมื่อคืนทำไมแม่ไม่ปลุกผมอ่ะครับ?...พี่คุณกลับบ้านไปตอนไหนผมไม่รู้เรื่องเลยเนี่ย!”
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบวิ่งลงจากบรรไดเพื่อมาแหกปากโวยวายใส่หญิงสาวผู้เป็นแม่ด้วยอาการโกรธเคือง หลังจากรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมความว่างเปล่าภายในห้อง เหลือบตามมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องก็แทบจะเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างตกใจ ก่อนจะวิ่งแจ้นเข้าห้องอาบน้ำไปทันที

“ก็อยากจะปลุกนะ! แต่คุณเขาบอกแม่ว่าไม่ต้อง ลูกหลับอยู่ปล่อยให้นอนไปจะได้หายไข้ แม่ก็เลยไม่ได้ปลุกนะซิ!แกจะมาโวยวายทำไมไม่เห็นเข้าใจเลย แล้วนี่แหกปากได้ขนาดนี้ แถมยังเริ่มอัดข้าวเข้าท้องได้ปานนี้หายดีแล้วละซิท่าหืม?”
ยืนมองลูกชายตัวดีกรอกข้าวเข้าปากอย่างหิวโหยก็มั่นใจว่าไข้ที่พาเอาพยาธิป่วยไปเมื่อวานคงจากไปแล้วแน่ๆ หม้อข้าวและกับข้าวมากมายบนโต๊ะกินข้าวพร่องลงจากเดิมจนเกือบหมดภายในเวลาไม่กี่อึดใจ จนคนเป็นแม่ไม่อยากให้ชานซองต้องป่วยซ้ำอีกครั้ง แค่ปกติที่ไม่ป่วยก็กินอย่างกับลมหมุน ตอนนี้หายป่วยแทบจะเหมือนพายุคลั่ง ภาวนาว่าอย่าได้ป่วยอีกเป็นครั้งที่ 2 เชี่ยว!

“...ก็ดีขึ้นเยอะแหละครับ.../ปิ๊งป่อง~”
เสียงกดออดที่หน้าประตูบ้านหยุดการสนทนาระหว่างคู่แม่ลูกตระกูลฮวางเอาไว้ได้ชั่วคราว หญิงสาวผู้เป็นแม่เดินออกจากครัวเพื่อไปดูว่าใครเป็นคนกดกริ่ง โดยไม่ลืมวางกล้วยหอมผลโตของโปรดของชานซองเอาไว้ให้ชายหนุ่มกินล้างปาก หลังฟาดข้าวจนแทบหมดหม้อ

.

.

“ชานซองดูซิใครมาหาลูกแน่ะ!”
เสียงเรียกของผู้เป็นแม่ดึงเอาความสนใจกับกล้วยหอมเอาไว้ได้เกือบหมด น้ำเสียงปรีดาของหญิงสาวพาเอาร่างสูงยิ้มแป้นเมื่อคิดเอาเองว่า บางที่คงเป็นนิชคุณที่มาหาเขา

“ใครครับ?...พี่...คะ...คุณ...ห...รอ”
ยังปรับโหมดดีใจได้ไม่ทันเสร็จดี สีหน้าของชานซองก็ต้องเปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายขึ้นมาแทน เมื่อคนที่ยืนยิ้มหวานไม่ใช่นิชคุณแต่เป็นคิม จุนซู พี่ชายคนโตแห่ง2PM ผู้จ้องจะทำร้ายนิชคุณที่เขารักต่างหาก!

“ผิดหวังงั้นหรอที่ฉันไม่ใช่นิชคุณสุดที่รัก?”
จุนซูยิ้มหวาน พร้อมชูตะกร้าผลไม้ใบใหญ่ให้น้องเล็กตัวโตได้ดู ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดี 

“พี่มาทำไมครับ?”
กลืนกล้วยลงคออย่างลำบากเป็นคำสุดท้าย แล้ววางมันลงกับโต๊ะหลังรู้สึกว่าจะเริ่มกินอะไรไม่ค่อยอร่อยเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมา

“ทำไมพูดแบบนี้กัน? ฉันก็เป็นพี่นายคนนึ่งนะ จะมาเยี่ยมมาเยี่ยนคนเป็นน้องบ้างไม่ได้หรือยังไงกัน?”
พูดติดตลกอย่างน่ารัก เพราะคิม จุนซูไม่รู้ความจริงที่ว่า ฮวาง ชานซอนได้อ่านจดหมายที่ระบุตัวตนที่แท้จริงของเขาลงไปแล้ว จึงตีหน้าซื่อใส่น้องชายจนคนฟังขนลุกกับความแตกต่างระหว่างเบื้องหน้าและเบื้องหลังของคนตรงหน้า

“มีอะไรก็ขึ้นไปคุยข้างบนห้องแล้วกันครับ...จะได้ไม่เกะกะคนอื่นที่ยังไม่ได้กินข้าว”
ลุกขึ้นเดินนำจุนซูขึ้นไปบนห้องทันที เขาไม่ต้องการให้คนอื่นในบ้านต้องถูกหลอกลวงจากใบหน้าที่ถูกสวมทับด้วยหน้ากากอาบยาพิษนี้ ดูเหมือนแม่เขาจะชอบนิสัยใจคอของคิม จุนซูอยู่มากเพราะอีกฝ่ายมักพูดจาติดตลกจนคนแก่ต้องหัวเราะชอบอกชอบใจอยู่เสมอๆ

“แล้วแต่นาย”
ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและแทบไม่ตงิดใจแม้แต่น้อย ถึงการแสดงที่มึนตึงจากชานซองที่มีแต่ตนเอง ด้วยคิดไปว่าอีกฝ่ายคงอารมณ์เสียเพราะตนไม่ใช่นิชคุณที่ร่างสูงรอคอย

.

.

“เมื่อคืนพี่จุนซูมาที่นี่ตอนที่นายออกไปข้างนอกกับชานซองแล้วยังไม่ได้กลับ”
นั่งลงบนโซฟาภายในห้องรับแขกขนาบข้างใบหน้าหวานที่มองจ้องทีวี ทำท่าทางเหมือนไม่ได้สนใจกับสิ่งที่แทคยอนพูดออกมาซักเท่าไรนัก

“แล้ว...ยังไงละ?”
โดยไม่ทันสังเกตตัวเอง นิ้วมือกลับเริ่มกดเปลี่ยนช่องไปมาเร็วมากยิ่งขึ้นสายตาและสติกำลังเพ่งสมาธิไปคนละทิศคนละทาง แม้สายตาจะมองดูทีวีอยู่ แต่สติกลับเอาแต่ฟังคนพูดไม่เลิกลา

“เขาขับรถมาจากแดกูเพื่อดูว่าพวกเราอยู่ด้วยกันหรือเปล่าน่ะ”
เอนตัวลงพิงกับโซฟานุ่ม ผมที่เปียกชื้นจากการสระทิ้งรอยน้ำเอาไว้ทั่วเบาะ เมื่อร่างสูงไม่คิดจะเป่าหรือเช็ดมันให้แห้งจากผมสั้นๆของตัวเอง ทั้งที่ในมือก็มีผ้าเช็ดตัวผืนยักษ์อยู่แท้ๆ

“งั้นก็ต้องบอกว่าโชคดีจังนะหรือเปล่าละที่ฉันไม่อยู่พอดีน่ะ?”
เมื่อยอมหันกลับไปพูดกับชายหนุ่มก็ต้องวางรีโมทเอาไว้ชั่วครู่ แล้วหันมาสนใจหัวเปียกๆของแทคยอนแทน มือขาวดึงเอาผ้าเช็ดตัวของอีกฝ่ายมาถือไว้ก่อนจะขยับตัวไปเช็ดศีรษะของคนข้างกาย เพราะกลัวว่าร่างสูงอาจไม่สบายหากปล่อยให้ผมเปียกชื้นนานไปมากกว่านี้

“แล้วนายคิดว่ายังไงละ?”
ฝากจุมพิตกลีบกุหลาบไว้ทั่วซอกคอขาวในระหว่างที่คนใจดีเช็ดผมที่เปียกของตนเองให้ ลมหายใจคนเช็ดเกิดติดขัดขึ้นเบาๆเมื่อฝ่ามืออันเย็นเฉียบแทรกตัวผ่านเสื้อกล้ามตัวบางไปสัมผัสหน้าท้องเรียบแบนอย่างจงใจ

“ฉะ...ฉันไม่รู้...หยุดนะแทค...ฮยอน อย่า...นี่มันตอนกลางวัน”
หยุดเช็ดผมให้อีกฝ่ายแล้วพยายามดันตัวเองหนีแทน แต่ยิ่งหนีก็เหมือนกับยิ่งผลักดันให้ชายหนุ่มคุกคาม ริมฝีปากอุ่นกลับกลายเป็นลิ้นร้อนลากผ่านแทนก่อนจะจบลงด้วยการขบกัดจนเป็นรอยฟันน้อยๆทั่วแผ่นอกขาว

“ทำไมละ?...ดีออกทำกลางวัน เห็นชัดดี!”
อาศัยจังหวะที่นิชคุณเผลอทำหน้าเหวอพลักคนตัวบางกว่าให้ล้มลงกับโซฟาตัวนุ่ม แล้วขึ้นคร่อมลงบนตัวของคนหน้าหวานที่กำลังแดงกล่ำด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แทคยอนยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าดวงตากลมโตนั้นหลบเลี่ยงตนเองด้วยความรู้สึกเขินอายเพียงใด

“ฉันไม่อยากทำ หยุดเถอะ นายบอกเองว่าเมื่อวานพี่จุนซูมา แล้วทำไม?.../ก็เพราะพี่จุนซูมานั้นแหละ ถึงต้องยิ่งทำ เวลาของเรากำลังจะหมดลงแล้วนะคุณ มันจะไม่มีเหลืออีกแล้ว...ไม่มี”
จับใบหน้าหวานให้ยอมหันมาสบตาซึ่งกันและกัน ก่อนจะโน้มตัวลงจูบประทับความรักให้ยิ่งลึกซึ้ง ฝากทุกความรู้สึกแลกเปลี่ยนทุกความต้องการให้อีกฝ่ายได้รับรู้ กวาดต้อนเอาลมหายใจให้กลายเป็นของกันและกันเพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียว กับความรักที่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเขาและนิชคุณ

.

.

“พี่มีอะไรก็ว่ามาเลยครับ...ผมยุ่ง!”
ปิดประตูห้องลงได้ฮวาง ชานซองก็เดินไปนั่งลงบนเตียง โดยมีจุนซูนั่งลงรอก่อนหน้านี้แล้ว

“เมื่อคืนคุณอยู่กับนายหรือเปล่า?”
เพราะอยากรู้ให้แน่ชัดว่าเมื่อคืนแทคยอนไม่ได้อยู่กับนิชคุณจริงๆอย่างที่ตาเห็น จึงเลือกที่จะมาถามหาเอาความจริงกับคนที่อยากชิดใกล้กับคุณมากที่สุดอย่างชานซอง เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับแดกูแต่เลือกที่จะเช่าโรงแรมนอนแทน เขาไม่ต้องการที่จะรีบกลับหากไม่ได้รู้ความจริงที่ตนเองต้องการ แม้เขาจะพอใจที่ได้รู้ว่าแทคยอนและนิชคุณไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เขาก็กลับอยากรู้ว่าอีกฝ่ายไปอยู่ที่ไหนหากไม่ใช่กับแทคยอน

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่นี่ครับว่าพี่คุณเขาจะอยู่กับผมหรือไม่อยู่!”
ใบหน้าคมแสดงอาการไม่พอใจออกมาทันทีที่ได้ยินคำถามของคิม จุนซู อยากได้อะไร ต้องการอะไรกันแน่ ที่มาคุยกับเขาต้องการล้วงเอาข้อมูลอะไร เขาไม่มีทางบอกหรอก!

“เป็นอะไรของนาย!...แค่ถามทำไมต้องทำท่าทางไม่พอใจแบบนี้กัน?...ฉันก็แค่...อยากรู้ เพราะเมื่อคืนฉันแวะไปหาแทคฮยอนมาแต่ไม่เจอคุณก็เลยมาถามนาย แล้วก็อยากช่วยให้นายกับคุณสมหวังกันก็เท่านั้นเอง”
ตกใจกับท่าทางกร้าวร้าวของน้องชายที่มีต่อตนเอง ปกติชานซองไม่เคยแสดงอาการหยาบคาบแบบนี้ใส่ใครเท่าใดนัก แต่ช่วงหลังๆมานี่ชายหนุ่มดูจะชอบทำอารมณ์แบบนี้ใส่เฉพาะเขาคนเดียวอยู่บ่อยๆจนน่าแปลกใจ

“ไม่จำเป็นครับ...ผมรักพี่คุณ ผมก็ช่วยเหลือตัวผมเองได้! ไม่ต้องให้ใครช่วย ไม่ต้องขู่เข็ญ บีบบังคับใจใครให้เขามารักเรา ถ้าผมจะสมหวังกับพี่คุณผมจะใช้ความรักของผมทำให้พี่เขารักผมเองครับ ไม่ใช่ใช้ความกลัวทำให้เขาหลงรักเหมือนกับที่ใครบางคนทำมันแบบนั้น!”
สายตาดุดันสบจ้องใบหน้าเนียนอย่างท้าทาย แม้เขาจะไม่ได้เอ่ยชื่อใครออกมา แต่ก็คงทำให้เจ้าตัวสะดุ้งไปไม่น้อย มองแค่สีหน้าที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัดของ คิม จุนซู ก็พอเดาได้ว่ากำลังใจเสียแค่ไหน

“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง!...ถ้าไม่อยากตอบ ไม่อยากให้ช่วยก็ไม่เห็นต้องพูดจาบ้าบอแบบนี้เลย กลับดีกว่าเสียอารมณ์ชะมัด”
กลบเกลื่อนด้วยความไม่พอใจของตัวเอง แทนความรู้สึกกังวลที่ก่อตัวขึ้นหลังจากได้เผชิญหน้ากับชานซอง รีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวเท้ายาวๆไปหาประตูเพื่อเดินหนีตีจากแต่ทว่า

“ถ้าพี่กล้าแตะต้องพี่คุณแม้แต่ปลายเล็บ ผมจะทำให้พี่รู้ว่านรกของจริงมันเป็นยังไง ถ้าทำพี่คุณเจ็บ ผมแน่ใจว่าพี่จะต้องเจ็บกว่าอีกเป็นร้อยเท่า...คิม จุนซู!”
ด้วยช่วงตัวที่ยาวกว่าทำให้ชานซองเดินมาถึงประตูได้ก่อน มือแกร่งทาบทับดันประตูปิดทางออก ก่อนจะพูดเสียงเรียบที่ข้างใบหูนุ่มของร่างโปร่ง เด็กหนุ่มไม่มีความหวาดกลัวอะไรซักนิด ความกล้าที่จะพุ่งชนทุกอย่างเพื่อใครซักคนของร่างสูงทำเอาคิม จุนซูถึงกับสะท้าน ดวงตาที่มุ่งมั่นนั้นทำเอาเขาชาวาบไปทั้งตัว เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแบบนี้

“...ไปรู้อะไรมาละ?...ก็ดี!จะได้ไม่ต้องตอแหลกัน...อยากปกป้องนักก็ทำให้ถึงที่สุดละ จับเอาไว้ให้มั่นอย่าได้เผลอปล่อยมือให้หลุดออกมา เพราะฉันรับคำท้าของนายชานซอง...พวกหน้าโง่เหมือนกันหมด! แต่สำหรับนายมันหน้าโง่ยิ่งกว่า รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ได้รัก ก็ยังจะพยายามลงแรงให้สูญเปล่า ทำทั้งที่รู้ว่าจะไม่ได้รับอะไรตอบแทน โง่ที่สุด!”
เก็บความรู้สึกกลัวเอาไว้อย่างมิดชิดแล้วเปิดเผยธาตุแท้ของตัวเองให้ชานซองได้ยล อยากรู้นักใช่ไหม ก็ดี!ไม่อยากจะปิดบังทำตัวเป็นพ่อพระแม่พระแล้วเหมือนกันนั้นแหละ พอกันที!

“คนไม่มีความรัก ไม่มีหัวใจอย่างพี่จะไปรู้อะไรละครับ? เก่งแต่เรื่องข่มขู่ เก่งแต่เรื่องโกหกตอแหล ไม่มีทางรับรู้ได้หรอกครับว่าความรักจริงๆมันคืออะไร ถ้าจะให้พูดตรงๆผมสงสารพี่แทคยอน แล้วก็สมเพชพี่มากกว่า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วย เพราะพี่แยกพี่แทคยอนออกจากพี่คุณให้ ผมถึงได้มีสิทธิ์มากกว่าที่ควร พี่คงพอใจที่ได้ร่างกายพี่แทคยอนเป็นของตัวพี่เอง ถึงจะไม่ได้หัวใจก็เถอะ ชาตินี้ทั้งชาติพี่คงไม่มีทาง
หาความรักของตัวเองเจอหรอกครับ คิม จุนซู”
ยิ้มเยาะอย่างร้ายกาจใส่หน้าร่างโปร่ง น่าสมเพชจริงๆ ถ้าความรู้สึกไม่ผิดเพี้ยน คิม จุนซูคงไม่เคยมีความรัก คิม จุนซูมีแต่ความอยากเอาชนะ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะต้องการเอาชนะ แต่ไม่เคยมีใจให้กับอ๊ก แทคยอนเลยแม้แต่น้อย ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงรู้คำตอบนั้นไม่ได้ยากเลย เพราะเขาคือคนที่กำลังมีความรักอยู่จริงๆ เขามีความรักให้กับนิชคุณ อย่างไม่เคยอยากได้อะไรตอบแทน เขาถึงรู้ว่าความรักควรเป็นเช่นไร กับคนตรงหน้าที่คิดว่าสิ่งที่ตนเข้าใจคือความรักมาตลอดนั้นไม่ใช่ซักนิด แท้จริงมันก็แค่อยากเอาชนะกันมากกว่า!

“หุบปากไปเลยชานซอง!...นายมันจะมารู้เรื่องอะไร อย่ามาเดามัวๆ อย่ามาพูดมัวๆ ชุ่ยๆ... น่าสมเพชงั้นหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า...แล้วนายละไม่น่าสมเพชพอๆกับฉันหรือไง ให้ความรักกับคนที่ไม่เคยเห็นมัน นายเองชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีทางหาความรักที่สมบูรณ์ของตัวเองเจอเหมือนกันนั้นแหละ ไอ่เด็กบ้า!”
ออกแรงพลักให้อีกฝ่ายออกจากวงโครจรรอบบริเวณประตู ทันทีที่มือของชานซองหลุดจุนซูก็รีบหันกลับไปเปิดประตูเดินจากห้องชานซองแล้ววิ่งออกจากบ้านเพื่อหนีขึ้นรถแล้วขับจากไปทันที

“นี่เราทำบ้าอะไรวะ! พูดออกมาจนได้!”
ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นห้องเพื่อถอนหายใจ ทั้งๆที่คิดว่าจะเก็บมันเอาไว้กับตัวเอง แล้วปกป้องพี่ชายหน้าหวานเงียบๆแท้ๆ แต่กลับต้องมาตบะแตกเพราะจุนซูเล่นมาเหยียบถึงถิ่น ความรู้สึกที่เก็บมันเลยระเบิดออกมาจนได้ แล้วที่นี่จะเอายังไงกับชีวิตละจุนซูต้องกัดนิชคุณไม่ปล่อยแน่ ทำอะไรลงไปวะ ฮวาง ชานซองเอ๊ย!

.

.

“ไอ่บ้า ไอ่เด็กบ้า แกคิดว่าแกเป็นใคร ฮึกก..ก ฮึก...เจ็บใจนัก!”
ทุบฝ่ามือลงกับพวงมาลัยรถอย่างระบายอารมณ์ พร้อมหยาดน้ำตาแห่งความเจ็บใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาร้องไห้ออกมาจากความรู้สึกจริงๆไม่เสแสร้งแกล้งทำ ฮวาง ชานซอง ฉันกับนายไม่จบแค่นี้แน่!

“ปกป้องนิชคุณงั้นหรอ?...ดี!ไปปกป้องกันในนรกก็แล้วกัน!”
ดวงตามุ่งร้ายมองตรงไปยังพื้นถนนเพื่อกลับไปพักฟื้นที่แดกูก่อนชั่วคราวพร้อมปาดน้ำตาออกด้วยความแค้นใจ แผนการร้ายกาจจะเกิดขึ้นทันทีที่การลงโทษของพี่จินยองจบลง!

.

.

ผิวกายร้อนผ่าวเมื่อทุกอย่างระหว่างคนสองคนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หยดเหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้าหวาน หมอนข้างถูกปัดผ่านจนกระจัดกระจายหล่นไปทั่ว โซฟาตัวเล็กถูกบดเบียดจากคนสองรักที่บรรเลงเพลงรัก สัมผัสรุนแรงมาพร้อมบทรักหอมหวน ริมฝีปากถูกเก็บเกี่ยวความหวานจนแดงช้ำ ผิวกายที่เคยขาวเนียนสะอาดตา ถูกร่างสูงพรมจูบฝากรอยไปทั่วจนกายเป็นกลีบกุหลาบประทับลงบนความขาวจัด ดวงตากลมโตคลอน่วงไปด้วยหยาดน้ำตา เมื่อชายหนุ่มผิวเข้มเคลื่อนตัวเข้าหาจนแทบหายใจไม่ทัน

แผ่นหลังกว้างสีเข้มถูกคนตัวขาวฝากรอยเล็บไว้ทั่วเป็นทางยาว พึงพอใจทุกครั้งที่ขยับร่างแล้วได้ยินเสียงครางหวานอันแสนรุ่มร้อนเรียกชื่อเขาให้เข้าหา ยิ่งชิดใกล้ก็ยิ่งไม่เพียงพอ ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งต้องการ การกระทำอันขลาดเขิลของนิชคุณนั้นแสนน่ารัก แม้จะผ่านเรื่องแบบนี้กับเขามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังคงตอบรับแบบอายๆกับเขาอยู่เสมอ จนต้องจูบซ้ำๆย้ำๆแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของไปทั่วทั้งกายา ไม่พ้นแม้แต่ส่วนที่มองไม่เห็น น่ารักจนต้องหลงรักแบบไม่อาจถอนใจ

“ฉันรักนายนิชคุณ...ฉันรู้ใจตัวเองแล้ว...แค่นายที่ฉันต้องการ!”

-TBC 10-

TALK ::
 เอิ่ม...จะจัดว่าเรทก็คงต้องบอกว่าไม่หรอกมั้ง เพราะไม่มีคำไหนที่เราอ่านแล้วมันบ่งชัดเจนอ่ะคะ จัดให้มันอยู่ในPGนะเราพยายามเขียนให้ลองฟินเอาเองนะคะ ลองแต่งๆดู ไม่รู้เป็นไง เพราะเขียนแบบชัดเจนไม่ได้ ทำไม่ได้ เขียนไม่ถูกมันอายเกินกว่าจะเขียนแบบนั้น เราไม่ค่อยชอบด้วยแหละ มันไม่เหมาะกะเราเท่าไร มันอยู่ไม่ได้ถ้าเราเขียน หึหึหึ 

ตอนนี้มาถึงจุดพีคของเรื่องส่วนนึ่งแล้วคะ คิดว่านะ ต่างคนต่างรู้ใจ ต่างคนต่างลุกขึ้นมาสู้ เว้นโฮกะด้ง ไปนอนอืดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน หึหึหึ ก็ลุ้นกันต่อไปว่ามันจะเป็นแบบไหน เป็นไปในทิศทางใด? คนเขียนก็ไม่รู้มันอยู่ในอนาคต...เอาเป็นติดตามตอนต่อไปคะ
ปล...ทำบล็อกด้วยแต่ยังไม่เสร็จ...ไว้เสร็จจะมาบอกนะว่าบล็อกไร...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น