วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

LAST 11 :: TK

FIC :: LAST 11

COUPLE :: TK


-11-



“อยากให้ออกมาพบช่วงเย็นนี้งั้นหรอ?”
คิม จุนซูทบทวนคำพูดหญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นพี่แท้ๆของแทคยอนอย่างแปลกใจ ว่าทำไมจู่ๆถึงต้องเรียกตนออกไปคุย 
ลางสังหรณ์เรื่องนี้ดูท่าทางจะไม่ดีกับตนเองเท่าใดนักแต่ก็ยากที่จะปฎิเสธ
เพราะพี่ของแทคยอนรู้ดีว่าตนไม่ได้มีธุระสำคัญอะไรที่ไหนเนื่องจากอยู่ในช่วงลงโทษ


“ไปก็ไป...เก็บของกลับเลยก็แล้วกัน ไหนๆพรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปอยู่แล้ว...จุนฮยอง!เอารถออกไปส่งพี่ที่โซลหน่อย”
มือทั้งสองหยิบจับข้าวของส่วนตัวยัดใส่กระเป๋าในขณะที่ตะโกนบอกน้องชายตัวเองไปด้วย 
เพื่อเตรียมตัวกลับเข้ากรุงโซลสถานที่ที่คิม จุนซูนั้นแสนจะคิดถึงเป็นหนักหนา!

.

.

“พรุ่งนี้เราก็จะได้กลับบ้านพักกันแล้วนะครับ จะได้เจอคนอื่นๆอย่างพี่อูยองกับพี่จุนโฮด้วย 
สองคนนั้นได้แต่คุยโทรศัพท์อย่างเดียวเลย แทบไม่ได้เจอตัวจริง ไม่รู้อาทิตย์นึ่งที่ผ่านมาจะเป็นยังไงกันบ้าง?”
นึกขึ้นอย่างอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก 3 วันที่ผ่านไม่มีวันไหนที่ ฮวาง ชานซองไม่มีความสุข เขามีความสุขมากจนถึงมากที่สุด
เพราะเขาได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขารักอย่างนิชคุณตลอดเวลา 
ทั้งเดินจูงมือ นั่งกินข้าว ไปเที่ยวเล่น แม้กระทั่งนอนหลับ 
เขาก็ยังได้นอนกอดพี่ชายหน้าหวานอยู่ทั้งคืนด้วยสถานะที่เปลี่ยนไปจากเก่า!
...จะเว้นก็แค่ตอนอาบน้ำเท่านั้นที่แยกกันอาบ...

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ใช่แค่น้องชายของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว แต่จะกลายเป็นคนรัก 
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจดีว่านิชคุณในเวลานี้ไม่ได้มีตนเองอยู่ในใจเกินอะไรที่มากไปกว่าน้องชาย 
และก็รู้ว่าถึงริมฝีปากแดงจัดนั้นจะบอกว่าไม่ได้สงสารเขา แต่ยอมคบเขาเพราะต้องการจะลองรักเขาดู 
แต่ในความเป็นจริงนั้นชานซองรู้ดีกว่าความสงสารคือหนึ่งตัวแปรความสำคัญที่ทำให้นิชคุณยอมคบกับเขา 
เขาก็ไม่สนใจ เพราะถ้าหากตนจริงใจและยืนยันในความรักความหวังดีที่มีให้อย่างไม่มีวันจบ 
เขาเชื่อว่า “ซักวัน” คนคนนี้จะยอมรับเขาในฐานะคนรักอย่างเต็มใจ...

“นายไม่ได้เจอแค่อูยองกับจุนโฮงั้นหรือ?”
เอียงคอถามร่างสูงอย่างแปลกใจ ถ้าเป็นแบบนั้นพี่จุนซูกับแทคยอนก็ได้เจองั้นละซิ?

“ไม่ครับพี่แทคยอนกับ...กับพี่จุน...ซูก็ไม่ได้เจอครับ”
รายแรกน่ะตนไม่ได้เจอจริงๆได้รับก็แค่ข้อความทำให้เขาต้องกดลบทิ้งไปก็แค่เมื่อ 3 วันก่อนหน้านี้ก็แค่นั้น 
ส่วนรายหลังเจอกันระยะเผาขนเพราะเล่นบุกมาแสดงนิสัยจริงให้เห็นถึงบ้านแบบนั้น ไม่เจอก็คงบ้า 
แต่ที่เขาไม่พูดถึงเพราะเป็นสองบุคคลที่เขาไม่อยากเอ่ยปาก 
โดยเฉพาะเจ้าหลังที่ชานซองเริ่มไม่ถูกชะตาจนเริ่มพาลจะเลยไปถึงเกลียดอยู่รำไร

“อืม...ถ้าได้เจอก็คงจะดี...ละมั้ง”
ยิ้มแบบจืดๆไปให้คนฟัง ก่อนจะหยิบเอาหนังสือแม็กกาซีนเล่มโตมาเปิดอ่าน
ปิดบังความหวั่นไหวในน้ำเสียงและท่าทางของตัวเขาเอง เพื่อไม่ให้ฮวาง ชานซองพิรุธได้ 
แต่ก็ต้องอึ้งไปเมื่อเปิดเห็นภาพภายในพร้อมใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีด้วยความอาย

“ดีจริงๆหรอครับ?”
ลอบมองดวงตากลมโตอย่างจับสังเกตุ พบว่านัยตาคมพยายามจ้องมองภาพถ่ายในแม็กกาซีนมากจ้องจนเกินเหตุ 
พาลทำให้ร่างสูงอยากดูว่าเป็นใครที่ทำให้นิชคุณรู้สึกสนอกสนใจได้ถึงขนาดนี้หรือแกล้งจ้องเพื่อหลีกเลี่ยงเขากันแน่?

“โอ๊ะโอ!...พี่ชอบหรือครับ?”
ทันทีที่มองลงไปก็พบเข้ากับใบหน้าที่แสนคุ้นเคย สรีระที่คุ้นตา มัดกล้าม รูปร่างและท่าทางที่ทำเอาร่างสูงถึงกับยิ้มกว้าง 
บุคคลที่นิชคุณกำลังมองอยู่หาใช่ใครที่ไหน เป็นตัวของเขาเองนั้นแหละ ฮวาง ชานซองคนนี้ที่ใบหน้าหวานกำลังมอง 

“ปะ...เปล่า...ฉันไม่เคยอ่านมันเลยตั้งแต่นายไปถ่ายแบบออกมา ไม่มีเวลาสนใจเท่าไร 
ขนาดตอนของฉันเองฉันยังไม่ได้สนใจจะดูเลย 
พอได้มาดูแบบนี้แล้วมัน...อืม...ว่าไงดี...รูปร่างนายเนี่ยดีจริงๆเลยเน๊อะ!...อื้อ~”
ยังพูดไม่ทันจบดี ก็ถูกเด็กตัวโตขโมยจูบไปจังๆ ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกอกตกใจ 
ก่อนจะเริ่มตั้งสติได้แล้วรีบยกมือพลักน้องออกจากตัวเองทัน

“ขอบคุณครับสำหรับรางวัลรูปร่างดีที่พี่ชม!”
คำขอบคุณที่แสนเจ้าเหล่ พร้อมรางวัลพิเศษแบบเซอร์ไพร์สุดๆทั้งคนให้และคนรับ ถ้าจะให้พูดกันตามความจริง 
ชานซองเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำอะไรลงไป จู่ๆระหว่างที่มองหน้าหวานๆของนิชคุณก็เกิดความรู้สึกว่าพี่ชายคนนี้น่ารักสิ้นดี 
อยากจูบชะมัด รู้สึกตัวอีกทีก็ทำลงไปแล้ว ตนเลยได้เอาสีข้างแถไปเรื่อย
ทั้งๆที่แอบกลัวนิดหน่อยว่าคนโดยขโมยจูบจะออกปากว่าเขาด้วยความตกใจและไม่พอใจ

“เด็กบ้า!...แกล้งกันงั้นซิ!”
ใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดด้วยความรู้สึกอาย แม๊กกาซีนของชานซองถูกหยิบขึ้นมาตีที่แผ่นหลังน้องชายตัวดีดัง 
แอ๊ก! เป็นการทำโทษที่กล้ามาแกล้งทำแบบนี้กับตน

“ผมไม่ได้แกล้งนะ!...ก็พี่น่ารักผมเลยอดใจไม่ได้ จูบไปก่อนขออนุญาติ อย่าหน้าแดงไปเลยครับเดี๋ยวผมนึกว่าสุก 
แล้วจะเผลอตัวกินเอานะครับ...”
หยอกล้อคนขี้เหงาและคิดมากอย่างนิชคุณให้หยุดคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องชั่วคราว 
ด้วยการแกล้งร่างโปร่ง ทุกอย่างที่เขาพยายามทำในตอนนี้อาจจะมองดูเหมือนเล่นๆ 
แต่อันที่จริงแล้วเขากำลังจริงจังอยู่ตามที่พูดไม่ได้โกหกซักนิด

“เงียบไปเลยนายน่ะ!...รีบไปเก็บข้าวของซะ! ชานซองพรุ่งนี้เราต้องกลับแต่เช้านะ”
ดันตัวเองลุกหนีชายหนุ่มตัวดี เพื่อไปเริ่มเก็บของช่วยชานซอง เพราะตัวเขาไม่มีอะไรจะต้องเก็บ 
ตอนเขามาหาอีกฝ่ายเขาก็มาแค่ตัวกับกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ที่ไม่มีสายชาร์ท 
เพราะงั้นตอนกลับเขาจึงแทบไม่แคร์อะไร ทุกอย่างที่เขาใช้เขาใส่อยู่มันก็ของฮวาง ชานซองทั้งสิ้นนี่นะ!

“พี่อยากกลับงั้นหรอครับ? แต่ผมยังไม่อยากกลับเลย อยากให้เวลามันหยุดอยู่แบบนี้จังครับ”
เอ่ยน้ำเสียงเศร้าศร้อยออกมาเล็กน้อย เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วจนน่ากลัว เขากำลังรู้สึกกลัวขึ้นมาแบบแปลกๆ 
ถ้าเกิดวันพรุ่งนี้นิชคุณกลับไปที่บ้านพักหลังนั้น หลังที่มีอ๊ก แทคยอนอยู่บางทีตนอาจต้องเจ็บปวดก็เป็นได้ 
แต่ถ้าหากว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ แค่ 3 วันที่อยู่กันเขาก็น่าจะพอใจแล้วไม่ใช่หรือ?

“เวลาไม่เคยหยุดเดินหรอกชานซอง ต่อให้เราพยายามวิ่งหนีเวลาไปซักเท่าไร สุดท้ายมันก็กระโจนเข้าหาเราจนได้ 
เราสู้กับเวลาไม่ได้หรอก นอกจากมันจะไม่เคยอยู่แล้วมันยังไม่เคยรอใครด้วย 
ขนาดจะย้อนเวลามันก็ยังทำไม่ได้...ไปเถอะเดี๋ยวช่วยเก็บ!”
สิ่งที่เขาบอกกับชานซองนั้นคือความเป็นจริงทุกๆอย่าง เวลานั้นมีค่าทุกวินาที ทุกลมหายใจ 
และมันไม่เคยเห็นใจใครแต่มันสามารถจะช่วยเยียวยาได้กับเรื่องบางเรื่อง 
หากมันก็ไม่สามารถทำให้หายขาดได้ในบางเรื่องเช่นกัน

.

.

“มาแล้วหรอ?...นั่งก่อนซิ!”
หญิงสาวยิ้มให้อย่างใจดี เมื่อเห็นคิม จุนซูมา และผายมือให้ร่างโปร่งนั่งลงอย่างใจเย็น
“สวัสดีครับ...ขอโทษด้วยที่มาสาย พอดีผมออกมาช้ารถเลยติดนิดหน่อยครับ”
ค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายด้วยท่าทีนิ่งสงบภายนอก 
ผิดกับภายในที่กังวลจนแทบเป็นบ้า ด้วยกลัวว่าพี่สาวแทคยอนจะเกิดไปรู้เห็นอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเองเข้า

“ไม่เป็นไรหรอก! พอดี...ฉันพึ่งรู้เรื่องของแทคยอนกับนายน่ะว่าคบกันเลยอยากจะเจอกันแบบนี้ซักหน่อย 
เลยนัดออกมาเจอแต่หมอนั่นมาไม่ได้ เหมือนจะไม่ค่อยสบายฉันเลยต้องออกมาคนเดียว 
ยังไงถ้าฉันกลับไปแล้ววานนายช่วยไปดูแลไอ่เด็กบ้านั้นหน่อยก็แล้วกันนะ ไหนๆก็เป็นแฟนกันจริงๆแล้วไม่ใช่?”
เอ่ยปากดักคอขึ้นมาอย่างเรียบง่ายโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย แม้เขาจะไม่ต้องการเข้าไปยุ่งอะไรกับเรื่องหัวใจของน้อง 
แต่ในฐานะพี่ตัวของเขาเองก็มีสิทธิ์ตรวจสอบคู่รักในอนาคตของแทคยอนเช่นกัน

“รู้แล้วงั้นหรือครับ? ใช่ครับ...เราคบกันแล้วผมก็จะดูแลเขาอย่างดีเองครับไม่ต้องเป็นห่วง”
ตีสีหน้าแปลกใจเสียเต็มประดาที่เห็นว่าหญิงสาวรู้เรื่องระหว่างตนเองกับแทคยอนไปเสียแล้ว 
ทั้งๆที่ความจริงในจิตใจเขากำลังโกรธ อ๊ก แทคยอนอย่างถึงที่สุด ตนคิดเสมอว่าอีกฝ่ายคงบอกทางบ้านไปแล้วว่ากำลังคบกับคิม
จุนซูเป็นคนรักตั้งแต่แรก แล้วนี่อะไร!ทำไมถึงจะพึ่งรู้กันละ
...ไม่ยากบอกใครงั้นซินะว่ากำลังคบกันตนเองอยู่นอกจากคนในวงเพราะไม่สามารถปิดบังเรื่องแบบนี้ได้ 
แต่กับคนในครอบครัวกลับเลือกที่จะปิดปากแน่นราวกับไม่อยากให้รู้มันจะมากเกินไปแล้วนะ!

“ก็ดีถ้าเป็นแบบนั้นพี่จะหายห่วงไปเปราะนึ่ง แล้วไปรักกันอีท่าไหนละ 
ร้อยวันพันปีทุกครั้งที่ฉันเจอพวกนายไม่เห็นจะมีซักครั้งที่สบตาปิ๊งป๊างอะไรเถือกนั้นเลย หรืออยู่ๆก็รัก 
ก็ชอบกันขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุเนี่ย?”
เพราะเขาอยู่บนโลกใบนี้มานานกว่าทุกคนใน 2พีเอ็ม 
เรื่องความรักเขาเองก็ผ่านมามากแม้จะไม่เคยรักหรือคบหาเป็นแฟนกับเพื่อนเพศเดียวกันก็ตาม 
แต่ความรักมันก็กำเนิดจากจุดเดียวกันทั้งนั้น นั้นก็คือ”หัวใจ”และเพราะแทคยอนเป็นน้องชายของตน 
การทำความรู้จักกับคนรักของน้องชายอย่างถี่ถ้วนจึงเป็นสิ่งจำเป็น

“อืม...ผมเป็นฝ่ายไปชอบแล้วก็สารภาพรักกับแทคยอนก่อนครับ”
แสร้งยิ้มหวานอย่างขลาดเขิน ก่อนจะทำเป็นยกน้ำที่บริกรนำมาให้ดื่มแก้ความเขิน 
เพื่อปิดบังความรู้สึกอัดอึดที่มีต่อหญิงสาวอย่างเต็มที่ รับรู้ได้อย่างเต็มตัวว่ากำลังถูกสอบสวนและจับผิดอยู่อย่างแน่นอน

“อ้อ!...งั้นหมอนั้นก็คงโชคดีที่มีคนมารักมันอย่าง...จริงจังแล้วก็จริงใจ...
จุนซูนายรักน้องชายฉันจากก้นบึ้งหัวใจเลยจริงๆงั้นหรอ?”
มือทั้งสองเริ่มประสานกันเอาไว้หลวมก่อนจะวางแบลงบนโต๊ะ 
ถ้าตนมีไฟตั้งโต๊ะคงจะหันไปสาดใส่หน้าจุนซูไปแล้ว

“ครับ...ครับผมรักเขา”
สะอึกไปกับคำถามที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสวย แต่ก็รีบกลบเกลื่อนด้วยทักษะการโกหกชั้นยอดว่า “รัก” 
ทั้งๆที่ในความรู้สึกที่แท้จริง คิม จุนซูเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วเช่นกันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่าน 
เขา “รัก” อ๊ก แทคยอนจริงๆหรือไม่กันแน่?

“ถ้านายพูดมาออกมาจากใจจริง ฉันก็สมควรจะสบายใจซินะ?...เข้าใจแล้ว ฉันจะเชื่อนายก็แล้ว 
วันนี้ก็กลับไปนอนที่บ้านพักเถอะนะ นายจะได้ไปอยู่กับนายชายฉัน ดูแลหมอนั้นได้สะดวกหน่อย 
ยังไงพรุ่งนี้ก็ยกเลิกการลงโทษแล้วนี่นา? กลับก่อนไม่กี่ชั่วโมงคงไม่ตายหรอกมั้ง?
...จริงมะ? ฉันต้องกลับแล้วละ ขอตัวก่อนแล้วเจอกันใหม่นะ!”
พูดประโยคเหล่านี้ออกมาโดยไม่สนหรือใส่ใจเท่าใดนักผิด มือขาวควักเรียกพนักงานมาเก็บสตางค์ที่โต๊ะ 
พร้อมออกค่าอาหารทั้งหมดเอง ทิ้งไว้เพียงแค่คำพูดที่ทำให้จุนซูต้องรู้สึกแปลกๆตามลำพัง

“...มันหมายความว่ายังไงกัน?...เหมือนพี่ของแทคยอนจะรู้แต่ก็เหมือนไม่รู้ หงุดหงิดชะมัด!”
คำถามผุดพรายขึ้นเต็มสมอง เขาเดาท่าทางของหญิงสาวไม่ออกซักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังพยามยามทำหรือสื่ออะไรกันแน่? 
เหมือนจะเป็นห่วง เหมือนจะเข้าใจ แต่มันก็แค่เหมือนเท่านั้น ราวกับถูกเรียกออกมาเพื่อสอบสวน ค้นหาความจริง 
แต่ที่ตนทบทวนก็ไม่มีอะไรหลุดออกมาให้หญิงสาวต้องสงสัย ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น 
ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องรู้สึกร้อนร้นแบบแปลกๆเช่นนี้ด้วยกันนะ?

.

.

อ๊ก แทคยอนฝังร่างของตนเองลงกับเตียงท่ามกลางความเงียบและมืดทั้งภายนอกและภายในจิตใจของตัวเอง 
ร่างสูงพยายามค้นหาทางออก แต่ทว่าถึงที่สุดแล้วก็ยังไม่อาจจะพบหรือเจอมันได้ ไม่ว่าเขาจะหลับหรือลืมตา
ใบหน้าของใครบางคนที่นึกถึงอยู่ตลอดเวลาก็มักจะปรากฎออกมาให้เห็นเสมอ นั้นทำให้เขาอยากเป็นบ้ามากกว่าเดิม

รู้ว่าควรตัดใจให้ขาด แต่เหมือนยิ่งตัดก็ยิ่งเจ็บ
รู้ว่าควรแก้ปมให้คลาย แต่เหมือนยิ่งแก้มันก็ยิ่งรัด
รู้ว่าควรลบภาพทุกอย่างออกจากใจ แต่เหมือนยิ่งลบภาพก็ยิ่งชัดเจน
รู้ว่าควรรักอีกคนมากกว่า แต่เหมือนยิ่งพยายามรักมากเท่าใด ก็กลับยิ่งทำให้รู้สึกว่ายากมากขึ้นเท่านั้น
...ความรักนั้นช่างน่ากลัวเสียจริง...


.

.

“นายป่วยงั้นหรือแทคยอน?”
คิม จุนซูยืนมองอ๊ก แทคยอนนอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเฉยเมย 
ถ้าจะให้เขาลองเดาร้อยทั้งร้อยคงไม่ใช้ใครนอกเสียจากนิชคุณเท่านั้นแหละที่ทำให้ร่างสูงต้องจมดิ่งอยู่กับตัวเองได้ถึงขนาดนี้ 
แค่คิดว่ามันคือคำตอบที่ถูกต้องเส้นเลือดในสมองก็เกือบแตกด้วยความริษยา
...ทำไมใครๆก็ต้องไปหลงรักมันด้วยนะ!

“พี่จุนซูงั้นหรอครับ?”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำเอาแทคยอนดึงตัวเองให้กลับมาสู่ปัจจุบันในที่สุด 
หลังจากความคิดประมวลย้อนความทรงจำซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน 
ใบหน้าของจุนซูเด่นชัดแม้จะอยู่ท่ามกลางความมืด สีหน้าเฉยเมยนั้นทำเอาคนเห็นถึงกับขนลุก 
ทำไมพี่ถึงได้ดูกลืมกลมกลับความมืดมิดได้ถึงขนาดนี้ครับ!

“ก็ฉันน่ะซินายนึกว่าเป็น...ใครงั้นหรือ?”
แสยะยิ้มเย็นชามาให้คนมองต้องรู้สึกไม่ดีซ้ำสอง กระเป๋าเสื้อผ้าใบโตถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี 
ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินตรงมาหา แทคยอนที่ข้างเตียงพร้อมกับมือที่ทาบอังบนหน้าผากกว้างวัดอุณหภูมิร่างกาย

“...ป่วยจริงๆด้วย...”
เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เมื่อคิดว่าชายหนุ่มกำลังป่วยจริงๆ ป่วยด้วยสาเหตุอะไร และป่วยเพราะใคร!
มองเห็นแทคยอนเหงื่อไหลจนกระทั่งเปียกและชื่นไปทั้งตัว หากปล่อยเอาไว้คงได้ป่วยหนักกว่าเดิมแน่ 
คิดได้เช่นนั้นจุนซูก็หันหลังเดินออกจากห้องนอนไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมาพร้อมกะละมังน้ำอุ่นและผ้าสำหรับชุบเพื่อเช็ดตัวคนป่วยทันที 

“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากนักหรอกครับพี่จุนซูไม่ต้องก็ได้”
ฝืนพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง เป็นเพราะเขาไม่ได้นอนแถมยังกินเหล้าติดต่อกันไม่หยุดมาหลายคืนแน่ๆ
ถึงทำเอาร่างกายมึนเบลอได้ขนาดนี้ แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องการให้จุนซูต้องมาเป็นห่วงจึงเอ่ยปฎิเสธไปอย่างสุภาพ

“เป็นขนาดนี้แล้วยังจะปากดีอีกนะนายน่ะ...ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกแทคยอน ยังไงเราก็
...คนรักกัน ฉันจะปล่อยให้นายนอนเปียกเหงื่อได้ยังไง? หรือรังเกียจที่ฉันเป็นคนเช็ด? ถ้าเป็นคุณนายคงยินดีมากกว่านี้ซินะ?”
แม้จะออกปากพูดประชดไปแบบนั้น แต่หัวใจกลับเริ่มเจ็บร้าวเสียเอง 
ถ้าคิม จุนซูคนนี้เป็นที่รังเกียจเหมือนซาตาน นิชคุณก็คงเป็นที่รักเหมือนเทวดา 
ฉายาที่ใครๆต่างก็ยกย่อง คิดแล้วจะอ้วก!

“ไม่ใช่ครับพี่จุนซู มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ เราไม่มีอะไรกันแล้วจริงๆ ต่อไปนี้ผมกับคุณเป็นแค่เพื่อนรวมวงธรรมดาๆเท่านั้นจริงๆครับ”
ส่ายหน้าปฎิเสธเสียงแข็งว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก มันไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม 
เพราะต่างคนต่างรู้ตัวดีว่าอะไรเป็นอะไร หากคิม จุนซูมานั่งอยู่ตรงหน้าตนเองแบบนี้แล้ว 
ความเป็นจริงก็คือเขาควรหันหลังให้อดีตและยิ้มให้กับอนาคตที่เขาเลือกนั้นแหละคือความถูกต้อง!

“ก็ได้ฉันจะเชื่อใจนายเหมือนที่ฉันเคยพูดเอาไว้...เช็ดตัวเถอะ”
มือเรียวขยับอย่างช้าๆเพื่อปลดกระดุมชุดนอนอันเปียกชื่นให้หลุดออกจากแผงอกอันแข็งแกร่ง 
ริมฝีปากอิ่มเผลอกัดเข้าหากันแน่นเมื่อมัดกล้ามเปิดเผยให้เห็นหลังกระดุมถูกแกะออกจนหมด 
นี่ตนกับแทคยอนไม่ได้มีอะไรกันมานานพอควรแล้วซินะ อาการแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นกับตนเอง 
จุนซูกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก เพราะดันนึกไปถึงรสสัมผัสที่รุนแรงจากการถูกโอบรัดของร่างสูงในทุกครั้งที่โดน “กอด” 
แม้จะไม่อยากยอมรับเท่าใดนักแต่อ๊ก แทคยอนคือคนที่ทำให้เขาพึงใจอย่างที่สุดทุกคราเวลาร่วมรักกัน!

“พี่จุนซูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
ลมหายสะดุดเมื่อถูกชายหนุ่มทัก คิม จุนซูส่ายหน้าเร็วๆเรียกสติของตนเองคืนมาก่อนจะเริ่มลงมือเช็ดเนื้อตัวให้ร่างสูง 
โดยพยายามบังคับทั้งมือและจิตใจไม่ให้สั่นไหว แต่ทันทีที่ฝ่ามืออุ่นของตนเองได้สัมผัสแผ่นอกกว้างความอดทนก็สิ้นสุดลงทันที

“แทคยอน...ฉันคิดถึงนาย”
ปล่อยมือออกจากผ้าขนหนูแล้วลุกขึ้นคร่อมแทคยอนด้วยแววตาร้อนรุ่ม 
ริมฝีปากอิ่มกดลงตะบมจูบไปทั่วใบหน้าร่างสูงด้วยความเสน่หา โดยไม่ใยดีว่าอีกฝ่ายจะป่วยหรือไม่ 
แค่ได้ทำ แค่อยากทำ จะเจ็บ จะป่วยก็ช่าง ใครจะทำไม! คิดได้แบบนั้นความเห็นแก่ตัวก็ครอบงำจุนซูอย่างหยุดไม่ได้ 
ตนไม่แคร์ว่าแทคยอนจะเจ็บป่วยที่ตรงไหนและมากเพียงใด 
แต่ในเมื่อความต้องการมันกำลังพุ่งสูงสิ่งที่เขาต้องมันก็คือเซ็กซ์และต้องการคนคนนี้เท่านั้นที่จะร่วมรักกันไม่ใช่คนอื่น!

“พี่จุนซูครับ...ยะ...หยุดก่อนครับ...ผม...ยังไม่ / หุบปากนะแทค...
คิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าระหว่างที่นายอยู่ที่นี่กับคุณ นายทำอะไรลงไปบ้าง?
...ถ้าอยากให้ฉันโกรธก็ลองหยุดฉันดูซิ...
แต่ถ้าอยากให้ฉันรักนายมากกว่าเดิมก็แค่เดินตามที่ฉันชักนำนายก็พอแล้ว 
แค่มีเซ็กซ์กับฉันเดี๋ยวไข้ของนายก็จะหายไปเองนั้นแหละ...น๊า”
หยุดทุกคำพูดของแทคยอนด้วยการขู่เข็ญ ก่อนจะจบประโยคด้วยคำพูดออดอ้อน ทำเอาร่างสูงถึงกับมึน 
ตามอารมณ์ของจุนซูแทบไม่ทัน ตอนแรกก็บอกว่าเชื่อใจ ต่อมาก็หาว่านอกใจ 
แล้วก็กลับมาขู่ ก่อนก็จบลงออดอ้อนเอาใจ ยิ่งนับวันเขาก็คิดว่าตัวเองไม่เคยรู้จักคิม จุนซูเลย 
ยิ่งเข้าใกล้ก็เหมือนยิ่งออกห่าง เขาต้องรักคนคนนี้จริงๆใช่หรือเปล่า?

“...ครับ...ผมจะมีเซ็กซ์กับพี่”
ใช่! เขาต้องรักคนคนนี้ต่อให้ต้องสะกดจิตตัวเองก็ตาม ชายหนุ่มหลับตาตอบรับคำร้องขอของจุนซู 
ก่อนจะปล่อยตัวไปกับการชี้นำของอีกฝ่ายด้วยหัวใจอันอ่อนล้า...

...พอกันที อยากทำอะไรก็ทำ ตนไม่มีคุณค่าพอจะเป็นคนอีกต่อไปแล้ว...เป็นได้แค่ตุ๊กตาไร้หัวใจที่ต้องรักแต่เจ้านาย เพราะถูกฝังโปรแกรมใส่สมองก็เท่านั้น!...

-TBC #12-
TALK :: 
เอามาลงให้วันเสาร์ เป็นครั้งแรกที่ลงวันเสาร์ พอดีว่างเลยแต่งมาลง และเดี๋ยวแต่ง 12 ต่อเลยแล้วกันแต่จะเอาลงวันไหนไม่รู้คงเป็นวันจันทร์นั้นแหละคะ ถ้าว่างก็อยากเขียนให้เยอะ จะได้อู้ได้บ้าง แต่งฟิคเรื่องจนเหมือนเป็นหน้าที่ไปแล้ว เพราะอะไรเนี่ย?? ไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง หึหึหึ

หลังจากที่หลายๆคนหมั่นไส้แทคยอน เราว่ามาถึงตอนนี้ก็ต้องเริ่มสงสารได้แล้วละคะ เพราะหลังจากนี้เป็นต้นไปแทคจะแย่กว่านี้อีก...โดนทำร้ายทุกทางเลย แทคแข็งแรงทุกเรื่อง เว้นเรื่องความรัก...กระจอกมากเลย ตัวละครที่เราเมคคาแรกเตอร์อย่างแทคและคุณ สองคนนี้มีคาแรกเตอร์เก่งทุกเรื่องเว้นเรื่องความรักคะ จะอ่อนแอและกระจอกเป็นที่สุด หลังจากคุณร้องไห้มาเยอะ มาดูแทคกระอักเลือดกันบ้างดีกว่าเน๊อะ 

จุนซูเรื่องนี้เราจะบอกว่าเขียนมาจนป่านี้เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในตัวเขาเท่าไรคะว่าเขารักหรือไม่รักแทคกันแน่ ดูจุนซูเองก็สับสนในตัวเองจนอารมณ์ในตอนที่ 11 นี่ไม่เป็นปกติเท่าไร เราเองก็สนและสับ โรคจิตทั้งคู่ทั้งจุนซูทั้งคนแต่ง แต่ดูไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็รู้ ว่าสรุปแล้วมันคืออะไร(วะ)? เจอกันตอน 12 นิ...หึหึหึ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น