FIC :: LAST 1
COUPLE :: TK
-1-
ดวงจันทร์ลอยสูงเด่นเป็นสง่าอยู่บนผืนฟ้ากว้างถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด เหมือนกับหัวใจของใครบางคนในตอนนี้ไม่มีผิดที่กำลังจะจมดิ่งลงสู่ความน่ารังเกียจของตนเองภายใต้ “บาดาลใจ” แต่จะแตกต่างกันก็ตรงบนผืนฟ้ามีดวงจันทร์คอยส่องแสงนำทางสำหรับผู้คนที่กำลังมองหาทางออก
แต่กับใครบางคน...ไม่มีอะไรเลยซักอย่างที่จะคอยช่วยนำทาง จะมีก็แต่ตัวเองที่เดินหลงทางเข้าสู่เหวลึกเพียงลำพังแต่เพียงผู้เดียว...
.
.
“ทำไมป่านี้แล้วนายถึงยังไม่นอนอีก? คุณ?”
ใบหน้าหวานละสายตาจากดวงจันทร์กลมโต แล้วหันหน้ามาสบสายตากับชายหนุ่มรูปหล่อผู้กำลังเกาะเกี่ยวเอวขอดเอาไว้พร้อมกับพรมจูบไปทั่วไหล่เนียนขาว
“ยัง...ฉันยังไม่ค่อยง่วง นายเองก็กลับห้องไปได้แล้วแทค เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยเอา”
เบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงการปลุกเร้าด้วยความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย พร้อมส่งเสียงประท้วงขึ้นเบาๆ เพราะไม่ต้องการถูก “กอด” จากคนตรงหน้าซ้ำอีกครั้ง
“ใคร?...คนอื่นที่นายว่า...ใช่จุนซูหรือเปล่า?...ถ้าเป็นรายนั้นหลับไปนานแล้ว ก่อนฉันเดินออกมาจากห้องซะอีก”
ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งพลักไสก็เหมือนยิ่งอยากได้ ผิวขาวจัดยิ่งต้องแสงจันทร์ที่ส่องลงบนผิวกายยิ่งทำให้ อ๊ก แทคยอน ยิ่งคลั่งจนอยากกลืนกินอีกฝ่ายขึ้นมาเสียอีกรอบ โดยลืมสนใจ “ใคร” อีกคนที่พึ่งกล่าวถึงไปสนิท
“พอเถอะแทค!หยุดทำแบบนี้ซักที ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ฉันสงสารพี่จุนซู แล้วก็สงสารตัวเอง เราหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ลงเถอะ ฉันเหนื่อยแล้วแทค เหนื่อยกับความลับน่าละอายที่ต้องคอยปิดบัง ช่วยปล่อยมือไปจากฉันเสียทีได้หรือเปล่า...แล้วกลับไปหาคนที่นายสมควรจะห่วงจริงๆอย่างพี่จุนซูเถอะ”
นิ้วมือเรียวออกแรงพลักลงบนอกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะคว้าหยิบเอาเสื้อกล้ามสีขาวจากหัวเตียงมาสวมทับอย่างลวกๆ พร้อมกางเกงนอนขายาวตัวบาง เพื่อเดินหนีออกไปจากห้องนอนของตัวเอง
“เดี๋ยวคุณ!ทำไมจู่ๆถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมา ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือเปล่า ฉันจะได้ปรับปรุงตัวเอง แต่อย่าเดินหนีกันไปแบบนี้ ขอร้อง...คุณ”
รีบลุกขึ้นคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ก่อนจะถูกหมิ่นหน้าหนี ใบหน้าคมเข้มดูตกใจระคนแปลกใจไม่น้อย ที่ถูกคนหน้าหวานพลักไสให้ออกห่างกันอย่างง่ายดายเช่นนี้
“แทค! คำนี้มันไม่ควรจะใช้กับฉันเลยนะ นายควรเอามันไปใช้กับพี่จุนซูไม่ใช่ฉัน ก่อนหน้านี้ฉันอาจจะยอมรับได้ที่เราจะมีอะไรกัน เพราะเราต่างคนต่างก็ไม่มีใครทั้งคู่ แต่ว่ากับตอนนี้มันไม่ใช่ ฉันไม่ควรจะง่ายทำแบบนี้กับนายอีก อย่าลืมซิ! นายกับพี่จุนซูคบกันเป็นแฟนแล้วนะ นายไม่ได้โสดเพลย์บอยแบบแต่ก่อน...ไม่ใช่เลย กลับไปหาพี่จุนซูซะ ส่วนเรื่องระหว่างนายกับฉันมันจบแล้วความสัมพันธ์ ครึ่งๆกลางๆแบบในวันนี้จะไม่มีอีกต่อไป วันพรุ่งนี้จะเหลือแค่เพียงคำว่าเพื่อนระหว่างเราแค่นั้น...”
หัวใจดวงน้อยเก็บเอาความเจ็บปวดเอาไว้เงียบๆ เพียงลำพัง ก่อนจะหันไปยิ้มอำลาให้อีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะรู้สึกรักอีกฝ่ายมากเพียงใดแต่หากหัวใจไม่ได้เป็นของกันและกันมันก็ยากที่จะมาบรรจบกันได้ อ๊ก แทคยอน “รัก” คิม จุนซูมากกว่า ไม่ใช่ “นิชคุณ”กับตนเองสำหรับอีกฝ่าย คงเป็นได้แค่ตัวสำรอง
“โอเค...สำหรับนายมันจบแต่สำหรับฉันมันไม่จบ...ฉันรักนายนะคุณ”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเว้าวอนออดอ้อนให้ใบหน้าหวานหันมาสนใจกันอีกครั้ง คำรักที่ตนเองออกมามันไม่โกหกแม้แต่น้อย แต่อีกฝ่ายจะเชื่อหรือไม่มันก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องตัดสินใจ
“แล้วพี่จุนซูละ นายเอาไปไว้ที่ไหนกัน?”
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ริมฝีปากแดงจัดเม้มแน่นเข้าหากัน ก่อนจะกลืนความเจ็บช้ำเอาไว้ภายใน ตนรู้ดีว่าชายหนุ่มรู้สึกแบบใดกับตนเอง เพียงแต่...คนที่อ๊ก แทคยอน รักไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวยังมี พี่จุนซู อีกคนที่ร่างสูงเลือกที่จะบอกกับทุกคนว่าเป็นคนรักในที่ “แจ้ง” และเก็บนิชคุณคนนี้ไว้ในที่ “ลับ”ก็เท่านั้น
“ฉัน.../ไม่เป็นไรหรอกแทค ฉันถามนายไม่ได้อยากได้คำตอบ แค่อยากเตือนสติก็เท่านั้น ว่านาย “รัก” พี่จุนซูไม่ใช่ฉัน เดี๋ยวฉันจะลงไปข้างล่างหน่อย กลับมาหวังว่านายคงไม่อยู่ในห้องของฉันแล้วนะ”
ขืนข้อมือออกจากการเกาะกุ่มของอีกฝ่ายแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้อีกฝ่ายเห็นแม้แต่หยดน้ำตา
“...ฉันมันเป็นคนโลเลในสายตานายซินะ ก็แค่มีความรักมันผิดตรงไหนกัน? ความรักที่เลือกไม่ได้ว่าสมควรจะเลือกใคร”
ร่างสูงซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้ง ผิด ชอบ ชั่ว ดี ประดังกันเข้ามาให้รู้สึกจนอึดอัด แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ตนก็ไม่สามารถเลิกรักนิชคุณ หรือ จุนซู ได้ทั้งนั้น ตนปล่อยมือจากใครไม่ได้ซักคน แม้จะรู้ว่าผิดก็ตาม
.
.
“เฮ้อ~…จบแล้วซินะ”
เรือนร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าทีวีอย่างหมดแรง ดวงตากลมโตค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆ เพื่อลืมความรู้สึกย่ำแย่ที่พึ่งผ่านพ้นมาเมื่อครู่ ถึงจะลืมไม่ได้ทั้งหมดอย่างน้อยๆ ก็ขอให้มันจางหายไปบ้างก็ยังดี
“อะไรจบงั้นหรือครับ?”
นิชคุณลืมไปเสียสนิทว่า ฮวาง ชานซองน้องเล็กของวง มักหนีจากเตียงนุ่มๆมานอนบนพื้นแข็งหน้าทีวีอยู่เป็นประจำ ใบหน้าหวานออกอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อพบเข้ากับชานซองที่ลุกขึ้นมาจ้องจากซอกเล็กด้านข้างโซฟา
“เปล่าหรอก...ว่าแต่นายทำไมไปนอนที่แคบๆแบบนั้นละ?”
ส่ายหน้าปฏิเสธที่จะบอกกับน้องเสียงนุ่ม ก่อนจะอมยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อเห็นหัวฟูๆของชานซองลุกขึ้นมามองหน้ากัน มองดูคล้ายคนบ้าละเมอไม่มีผิด
“พี่อูยองบอกว่าจะออกมานอนด้วยวันนี้ ผมก็เลยเข้ามาแอบกะว่าจะแกล้งหลอกผี แล้วดันเผลอหลับไปน่ะซิครับ สงสัยพี่อูยองจะไม่ได้ออกมานอนด้วยแน่เลย ดูดิ!ทิ้งผมไว้ให้นอนเป็นตะคริวแบบนี้ได้ไงเนี่ย?”
ทั้งๆที่กำลังเครียดอยู่แท้ๆ แต่ก็อดที่จะหัวเราะเจ้าบ้าบ๊องตรงหน้าไม่ได้ นิชคุณควักมือเรียกน้องให้ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างตนเอง ก่อนจะดึงเอามือของร่างสูงมานวดเบาๆเพื่อคลายอาการตะคริวกินให้อีกฝ่ายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ขอบคุณมากครับ...ว่าแต่พี่ไม่เป็นไรจริงๆหรอ? ท่าทางพี่ดูไม่ดีเลย มีอะไรที่ผมพอช่วยได้บ้างหรือเปล่าครับ?”
เห็นพี่ชายคนเก่งหน้าซีดเซียวก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเป็นใยขึ้นมา ดูเหมือนดวงตากลมโตของอีกฝ่ายจะมีน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้า ฮวาง ชานซองก็ยิ่งร้อนใจตามไปด้วย
“เปล่า...คือจริงๆแล้วก็รู้สึกไม่ดีนิดหน่อยน่ะ...ขอยืมไหล่นายซักครู่นึ่งได้หรือเปล่า?”
รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรอ่อนแอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงมันออกมาในที่สุด มือที่กำลังออกแรงนวดหยุดการกระทำทั้งหมดลงทันที แล้วเอนศีรษะของตนเองซบลงบนบ่ากว้างของน้องชายตัวโต พร้อมทั้งปิดดวงตาลงอีกครั้งเพื่อทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างให้จมลงภายในจิตใจของตนเอง
“ผมให้พี่ยืมไหล่ผมได้ตลอดแหละ ถ้าเป็นพี่อะไรผมก็ยอมครับ”
รอยยิ้มกว้างอย่างยินดีและเต็มใจถูกส่งไปให้คนข้างกาย จนดวงหน้าหวานช้อนดวงตากลมโตขึ้นมามองสบจ้องนั้นแหละ ฮวาง ชานซองถึงกับรีบเหล่มองไปทางอื่นพร้อมกับหน้าแดงๆของตัวเอง ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรกับอีกแค่มองพี่ชายตัวเองก็ต้องถึงกับใจสั่นด้วย ทำไมถึงเป็นแบบนี้อยู่ตลอดเวลา ดวงตาเศร้าๆนั้นทำเอาชานซองหัวใจแทบกระเด็น
“หึหึหึ...นายนี่เวอร์จริงๆเลยนะ แต่เอาเถอะยังไงก็ขอบใจมาก ฉันจะไปนอนแล้วนายเองก็ควรนอนได้แล้วเหมือนกันเดี๋ยวพรุ่งนี้มีอัดรายการเช้าไม่ตื่นกันพอดี”
หัวเราะออกมาเบาๆกับความน่ารักและจริงใจของคนตรงหน้า ก่อนจะส่ายหน้ากับความหวังดีที่แสนโอเวอร์ของน้องชาย เรือนร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะบิดตัวเล็กน้อยแล้วเดินจากร่างสูงไป ทิ้งให้ชานซองนั่งมองอีกฝ่ายตาค้างไปชั่วครู่ใหญ่แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟาด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะแบบแปลกๆ
.
.
“หืม?...แทคงั้นหรอ?ไปไหนมาน่ะ?”
จุนซูลืมตารู้สึกตัวเมื่อรู้สึกได้ว่าถูกสวมกอดที่ด้านหลังจากใครบางคน กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำเอาคนถูกกอดยิ้มน้อยๆเพราะรู้ว่าไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนรักกันนั้นเอง
“ไปเข้าห้องน้ำมาน่ะ...นอนต่อเถอะครับ ผมก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
กดจูบลงบนแก้มเนียนด้วยความรัก ก่อนจะข่มตาหลับทั้งๆที่ภายในจิตกลับปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก แม้คนรักตัวจริงจะนอนอยู่ข้างกายกัน แต่ใบหน้าของใครอีกคนก็ไม่อาจสลัดทิ้งไป หากเปรียบจุนซูเป็นเส้นเลือดแดง งั้นจะแปลกอะไรถ้านิชคุณจะเป็นเส้นเลือดดำ อวัยวะทุกส่วนล้วนสำคัญสำหรับตนเองทั้งนั้น จะปล่อยให้ขาดไปไม่ได้เพราะถ้าขาดหายไปนั้นหมายถึง “พิการ” หรือ “ตาย” เท่านั้น
.
.
ห้องนอนเงียบงัน ทุกอย่างว่างเปล่า ผ้าห่มบนเตียงถูกพับเรียบร้อย ราวกับที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝันของเจ้าของห้อง หากแต่เมื่อทิ้งกายลงนอนบนพื้นเตียงกว้าง กลิ่น “ใคร”บ้างคนที่ไม่ใช่ตนเอง ก็พาลเอานิชคุณถึงกับนิ่วหน้า ดวงตากลมรีบกระพริบตาถี่ไล่หยดน้ำใสๆที่กำลังจะหลั่งออกจากดวงตาคู่สวยของตัวเองให้กลับเข้าไปที่เดิม ตนไม่อยากเสียน้ำตา ไม่อยากร้องไห้ เพราะรู้ว่าต่อให้ร้องไห้ให้ตาย ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลงเพียงอย่างเดียว
“จะตี 3 แล้วงั้นหรอ?”
ถอนหายใจออกมาแล้วรีบบังคับให้ตนเองหลับตาลง โดยไวอย่าไปสนใจเรื่องอื่น วันพรุ่งนี้ยังมีเรื่องราวให้ตัวเองต้องจัดการอีกมากมาย เพราะไม่ต้องการเป็นภาระสำหรับใครในวงทั้งสิ้น แม้แต่กับตัวของเขาเองก็ตาม
.
.
“พี่อูยอง...เมื่อคืนทำไมพี่ไม่ยอมมานอนข้างนอกกับผมกัน?”
ชานซองโวยวายขึ้นทันทีที่เห็นพี่ชายรวยแก้มเดินออกจากห้องมากินข้าวเช้า พร้อมทั้งหยิบกล้วยใบโตอัดใส่ปากตัวเองด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“เอาน่าอย่าโกรธไปเลย! เมื่อคืนเผลอตัวเล่นโปกเกอร์กับจุนโฮเพลินไปหน่อย จนหลับคาวงไพ่เลยไม่ได้ออกมานอนด้วยขอโทษที ว่าแต่ทำไมหรอมีอะไรป่ะ?...ขอบคุณครับ~”
ตบบ่าน้องชายตัวยักษ์แบบขอไปที แล้วหันไปสนใจขนมปังทาเนยถั่วที่จุนซูกำลังป้ายเสร็จพอดี ดวงตาเล็กๆจ้องมองพี่ใหญ่แดกูอย่างน่าสงสาร จนในที่สุดจุนซูก็ยอมใจอ่อนยื่นชิ้นที่ทำเสร็จให้น้องแต่โดยดี
“ก็เมื่อคืนผมไปแอบพี่ที่ไอ่ซอกโซฟานั้นอ่ะ แล้วเผลอหลับไป ตะคริวเงี่ยกินไปทั้งตัว ดีนะเจอพี่คุณมาช่วยพอดีไม่งั้นนะยันเช้า...เอ่อ ว่าแต่พี่เขาไปไหน ปกติตื่นเช้าที่สุดในบ้านเลยไม่ใช่หรอ? ผมไปดูหน่อยดีกว่า”
หยิบเอากล้วยใบที่ 5 มาแนบกาย แล้วดันเก้าอี้เตรียมจะลุกขึ้นไปดูพี่ชายหน้าหวาน แต่ทว่ากลับมีมือของใครบางคนมากดไหล่ตนเองเอาไว้ให้นั่งลงตามเดิม
“นายไม่ต้องไปหรอก!เดี๋ยวฉันไปตามเองดีกว่า นายยังกินกล้วยไม่เสร็จก็กินให้เสร็จซะ ฉันอิ่มแล้วเดี๋ยวไปตามคุณลงมาเอง”
ไม่รอเอาคำตอบจากใคร แทคยอนรีบลุกขึ้นเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่รีรอทันที จนจุนซูถึงกับมองตามด้วยความแปลกใจ ก็ที่บอกว่ากินอิ่มแล้วตั้งแต่ลงมาด้วยกันตนไม่เห็นคนรักหยิบอะไรเข้าปากซักคำแล้วจะบอกว่าอิ่มได้ยังไงกันนะ?
.
.
“คุณตื่นหรือยัง? คุณ...ฉันขอเข้าไปนะ”
ถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปโดยพละการ ใบหน้าคมเข้มมองจ้องไปบนเตียงกว้างที่นิชคุณนอนหลับสนิทอยู่ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย ใบหน้าหวานหลับตาพริ้มราวกับเจ้าหญิงนินทราถ้าไม่ติดที่คิ้วเข้มนั้นขยับย่นตัวเข้าหากันจนแสดงให้รู้ว่าคนที่กำลังหลับอยู่นี่กำลังเครียดมากแค่ไหน
“คุณ...ฉันขอโทษ”
ร่างสูงใช้นิ้วของตนเองเข้าไปขยับให้หัวคิ้วที่กำลังชนกันคลายตัวออก ก่อนจะเผลอใจก้มลงจุมพิตริมฝีปากแดงจัดอย่างไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้เหมือนที่เคยเป็นมา
“อื้อ...นาย...แทคเข้ามาทำไม?”
นิชคุณเอ่ยตำหนิอีกฝ่ายทันทีที่เห็นหน้า ยิ่งอยากออกห่างอีกฝ่ายก็ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งตนพลักไสก็ยิ่งถูกเข้าหา ใบหน้าหวานส่ายหน้าออกมาอย่างระอาใจ ถ้ายังเป็นแบบนี้แล้วเมื่อไรจะต่างฝ่ายต่างตัดใจกันได้เสียที่เล่า?
“คนอื่นๆเห็นนายยังไม่ตื่นเลยพากันเป็นห่วง ฉันเลยอาสามาปลุก ส่วนเรื่องเมื่อกี้.../ช่างเถอะ! ไม่ต้องพูดแล้วเมื่อกี้ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ดันตัวลุกขึ้นจากเตียง เรียวขาขาวก้าวตรงไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกายแล้วถอดเสื้อกล้ามสีขาวออกเหลือเพียงแผ่นอกเปลือยเปล่าดวงตากลมโตเหลือบมองกระจกผ่านไปยังด้านหลังตนเอง ทำให้รู้ว่าร่างสูงยังคงไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวเองไปไหน อีกทั้งยังมองสบตานิชคุณด้วยความรู้สึกปิดที่ไม่มิด
“ต่อให้ฉันแก้ผ้าต่อหน้านาย นายก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันทั้งนั้นแล้วแทคเลิกมองกันแบบนี้เถอะ แล้วก็ออกไปซะ ทั้งจากห้องนี้แล้วก็จากชีวิตของฉันด้วย!”
เดินผ่านอีกฝ่ายอย่างไม่ใยดี หมายจะออกจากห้องเพื่อไปอาบน้ำแต่ก็กลับทำไม่ได้ง่ายๆ ตามที่ต้องการเมื่อแทคยอนปิดประตูและล็อกห้องได้ทันก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินหนีจากกันซ้ำอีกครั้งเหมือนเมื่อคืน
“ฉันออกไปจากชีวิตนายไม่ได้...เพราะฉันรัก../พอแล้วแทค!ฉันไม่ได้อยากได้ยินมันเลย ถ้านายยังบอกว่ารักฉันอยู่แบบนี้แต่ยังปล่อยมือจากพี่จุนซูไม่ได้ก็อย่ามาพูดกับฉัน หรือถ้านายยังบอกว่ารักพี่จุนซุแต่ก็ยังปล่อยมือจากฉันไม่ได้ คำตอบของฉันก็เหมือนเดิมคืออย่ามาพูดกับฉัน อย่าลากให้ฉันต้องตกนรกไปมากกว่านี้ แค่ทุกวันที่ฉันเป็นอยู่ก็เหมือนต้องตกนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว ความสัมพันธ์แบบนี้ฉันอยากหยุด อยากเลิก อยากให้มันจบแล้วมันก็ควรจบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ทำไมนายถึงยังดื้อดึงมันอยู่ได้กันละแทค?”
นิชคุณเลือกที่จะเผชิญหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่หวั่นเกรง แต่กลับเป็นอีกฝ่ายที่เลือกหันใบหน้าหนีไม่กล้าสู้หน้าตนเองแทน มือนุ่มยกขึ้นจับปลายคางของแทคยอนให้หันมามองสบกัน เพื่อร้องขอคำถามที่ต้องการคำตอบเป็นครั้งแรกอย่างจริงจัง
“ก็ได้คุณฉันจะปล่อยมือจากนาย ถ้านายกล้าสาบานกับตัวเองว่าไม่มีฉันอยู่เลยในหัวใจ ฉันจะเดินออกไปจากชีวิตนายทันที!”
ถ้านั้นเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบของนิชคุณ นี่ก็เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบของ อ๊ก แทคยอน เช่นกันไม่แตกต่าง รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าเห็นแก่ตัวที่จะทำแบบนี้ แต่เขาก็เคยพูดไปแล้ว ว่าเขาไม่สามารถขาดใครคนใดคนนึ่งไปได้ ดังนั้นเขาจะไม่มีวันทิ้งนิชคุณไปแน่ ตนเลือกที่จะถามคำถามราวกับชนักที่ปลักลงบนหลังนิชคุณซ้ำๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกล้าบินหนีตนเองไปได้
“...........”
ไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย จะมีก็แต่ความเงียบเท่านั้นที่เป็นสักขีพยานของความจริง
“ดีแล้วคุณที่ไม่โกหกตัวเอง เพราะต่อให้นายโกหก ฉันก็จะรู้อยู่ดีว่าความจริงมันเป็นยังไง...อาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวซะทุกคนรอนายอยู่”
ถ้าเพื่อความรักแล้วแทคยอนยอมเป็นคนเลว เพราะสำหรับเขาความรักไม่ใช่การเสียสละ...แต่มันคือการครอบครองต่างหาก ต่อให้จะถูกมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว เลว ระยำ ต่ำช้าก็ช่าง แค่ไม่เสียใครคนใดคนนึ่งไป ตนก็พอใจอย่างเป็นที่สุดแล้ว!
-TBC # 2-
TALK’S :: เป็นครั้งแรกที่แต่งฟิคนะคะ ลองเอามาลงดูไม่รู้ชอบกันหรือไม่ ยังไงก็ฝากกันด้วยแล้วกันนะคะ อยากมันเป็นแทคคุณ แต่ว่าเอาเข้าจริงๆก็ยังไม่แน่ เอาเป็นว่าแทคคุณไปก่อนแล้วกันคะ...แหะๆๆ
COUPLE :: TK
-1-
ดวงจันทร์ลอยสูงเด่นเป็นสง่าอยู่บนผืนฟ้ากว้างถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด เหมือนกับหัวใจของใครบางคนในตอนนี้ไม่มีผิดที่กำลังจะจมดิ่งลงสู่ความน่ารังเกียจของตนเองภายใต้ “บาดาลใจ” แต่จะแตกต่างกันก็ตรงบนผืนฟ้ามีดวงจันทร์คอยส่องแสงนำทางสำหรับผู้คนที่กำลังมองหาทางออก
แต่กับใครบางคน...ไม่มีอะไรเลยซักอย่างที่จะคอยช่วยนำทาง จะมีก็แต่ตัวเองที่เดินหลงทางเข้าสู่เหวลึกเพียงลำพังแต่เพียงผู้เดียว...
.
.
“ทำไมป่านี้แล้วนายถึงยังไม่นอนอีก? คุณ?”
ใบหน้าหวานละสายตาจากดวงจันทร์กลมโต แล้วหันหน้ามาสบสายตากับชายหนุ่มรูปหล่อผู้กำลังเกาะเกี่ยวเอวขอดเอาไว้พร้อมกับพรมจูบไปทั่วไหล่เนียนขาว
“ยัง...ฉันยังไม่ค่อยง่วง นายเองก็กลับห้องไปได้แล้วแทค เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยเอา”
เบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงการปลุกเร้าด้วยความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย พร้อมส่งเสียงประท้วงขึ้นเบาๆ เพราะไม่ต้องการถูก “กอด” จากคนตรงหน้าซ้ำอีกครั้ง
“ใคร?...คนอื่นที่นายว่า...ใช่จุนซูหรือเปล่า?...ถ้าเป็นรายนั้นหลับไปนานแล้ว ก่อนฉันเดินออกมาจากห้องซะอีก”
ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งพลักไสก็เหมือนยิ่งอยากได้ ผิวขาวจัดยิ่งต้องแสงจันทร์ที่ส่องลงบนผิวกายยิ่งทำให้ อ๊ก แทคยอน ยิ่งคลั่งจนอยากกลืนกินอีกฝ่ายขึ้นมาเสียอีกรอบ โดยลืมสนใจ “ใคร” อีกคนที่พึ่งกล่าวถึงไปสนิท
“พอเถอะแทค!หยุดทำแบบนี้ซักที ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ฉันสงสารพี่จุนซู แล้วก็สงสารตัวเอง เราหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ลงเถอะ ฉันเหนื่อยแล้วแทค เหนื่อยกับความลับน่าละอายที่ต้องคอยปิดบัง ช่วยปล่อยมือไปจากฉันเสียทีได้หรือเปล่า...แล้วกลับไปหาคนที่นายสมควรจะห่วงจริงๆอย่างพี่จุนซูเถอะ”
นิ้วมือเรียวออกแรงพลักลงบนอกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะคว้าหยิบเอาเสื้อกล้ามสีขาวจากหัวเตียงมาสวมทับอย่างลวกๆ พร้อมกางเกงนอนขายาวตัวบาง เพื่อเดินหนีออกไปจากห้องนอนของตัวเอง
“เดี๋ยวคุณ!ทำไมจู่ๆถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมา ฉันทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือเปล่า ฉันจะได้ปรับปรุงตัวเอง แต่อย่าเดินหนีกันไปแบบนี้ ขอร้อง...คุณ”
รีบลุกขึ้นคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ก่อนจะถูกหมิ่นหน้าหนี ใบหน้าคมเข้มดูตกใจระคนแปลกใจไม่น้อย ที่ถูกคนหน้าหวานพลักไสให้ออกห่างกันอย่างง่ายดายเช่นนี้
“แทค! คำนี้มันไม่ควรจะใช้กับฉันเลยนะ นายควรเอามันไปใช้กับพี่จุนซูไม่ใช่ฉัน ก่อนหน้านี้ฉันอาจจะยอมรับได้ที่เราจะมีอะไรกัน เพราะเราต่างคนต่างก็ไม่มีใครทั้งคู่ แต่ว่ากับตอนนี้มันไม่ใช่ ฉันไม่ควรจะง่ายทำแบบนี้กับนายอีก อย่าลืมซิ! นายกับพี่จุนซูคบกันเป็นแฟนแล้วนะ นายไม่ได้โสดเพลย์บอยแบบแต่ก่อน...ไม่ใช่เลย กลับไปหาพี่จุนซูซะ ส่วนเรื่องระหว่างนายกับฉันมันจบแล้วความสัมพันธ์ ครึ่งๆกลางๆแบบในวันนี้จะไม่มีอีกต่อไป วันพรุ่งนี้จะเหลือแค่เพียงคำว่าเพื่อนระหว่างเราแค่นั้น...”
หัวใจดวงน้อยเก็บเอาความเจ็บปวดเอาไว้เงียบๆ เพียงลำพัง ก่อนจะหันไปยิ้มอำลาให้อีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะรู้สึกรักอีกฝ่ายมากเพียงใดแต่หากหัวใจไม่ได้เป็นของกันและกันมันก็ยากที่จะมาบรรจบกันได้ อ๊ก แทคยอน “รัก” คิม จุนซูมากกว่า ไม่ใช่ “นิชคุณ”กับตนเองสำหรับอีกฝ่าย คงเป็นได้แค่ตัวสำรอง
“โอเค...สำหรับนายมันจบแต่สำหรับฉันมันไม่จบ...ฉันรักนายนะคุณ”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเว้าวอนออดอ้อนให้ใบหน้าหวานหันมาสนใจกันอีกครั้ง คำรักที่ตนเองออกมามันไม่โกหกแม้แต่น้อย แต่อีกฝ่ายจะเชื่อหรือไม่มันก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องตัดสินใจ
“แล้วพี่จุนซูละ นายเอาไปไว้ที่ไหนกัน?”
เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ริมฝีปากแดงจัดเม้มแน่นเข้าหากัน ก่อนจะกลืนความเจ็บช้ำเอาไว้ภายใน ตนรู้ดีว่าชายหนุ่มรู้สึกแบบใดกับตนเอง เพียงแต่...คนที่อ๊ก แทคยอน รักไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวยังมี พี่จุนซู อีกคนที่ร่างสูงเลือกที่จะบอกกับทุกคนว่าเป็นคนรักในที่ “แจ้ง” และเก็บนิชคุณคนนี้ไว้ในที่ “ลับ”ก็เท่านั้น
“ฉัน.../ไม่เป็นไรหรอกแทค ฉันถามนายไม่ได้อยากได้คำตอบ แค่อยากเตือนสติก็เท่านั้น ว่านาย “รัก” พี่จุนซูไม่ใช่ฉัน เดี๋ยวฉันจะลงไปข้างล่างหน่อย กลับมาหวังว่านายคงไม่อยู่ในห้องของฉันแล้วนะ”
ขืนข้อมือออกจากการเกาะกุ่มของอีกฝ่ายแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้อีกฝ่ายเห็นแม้แต่หยดน้ำตา
“...ฉันมันเป็นคนโลเลในสายตานายซินะ ก็แค่มีความรักมันผิดตรงไหนกัน? ความรักที่เลือกไม่ได้ว่าสมควรจะเลือกใคร”
ร่างสูงซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้ง ผิด ชอบ ชั่ว ดี ประดังกันเข้ามาให้รู้สึกจนอึดอัด แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ตนก็ไม่สามารถเลิกรักนิชคุณ หรือ จุนซู ได้ทั้งนั้น ตนปล่อยมือจากใครไม่ได้ซักคน แม้จะรู้ว่าผิดก็ตาม
.
.
“เฮ้อ~…จบแล้วซินะ”
เรือนร่างโปร่งบางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าทีวีอย่างหมดแรง ดวงตากลมโตค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆ เพื่อลืมความรู้สึกย่ำแย่ที่พึ่งผ่านพ้นมาเมื่อครู่ ถึงจะลืมไม่ได้ทั้งหมดอย่างน้อยๆ ก็ขอให้มันจางหายไปบ้างก็ยังดี
“อะไรจบงั้นหรือครับ?”
นิชคุณลืมไปเสียสนิทว่า ฮวาง ชานซองน้องเล็กของวง มักหนีจากเตียงนุ่มๆมานอนบนพื้นแข็งหน้าทีวีอยู่เป็นประจำ ใบหน้าหวานออกอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อพบเข้ากับชานซองที่ลุกขึ้นมาจ้องจากซอกเล็กด้านข้างโซฟา
“เปล่าหรอก...ว่าแต่นายทำไมไปนอนที่แคบๆแบบนั้นละ?”
ส่ายหน้าปฏิเสธที่จะบอกกับน้องเสียงนุ่ม ก่อนจะอมยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อเห็นหัวฟูๆของชานซองลุกขึ้นมามองหน้ากัน มองดูคล้ายคนบ้าละเมอไม่มีผิด
“พี่อูยองบอกว่าจะออกมานอนด้วยวันนี้ ผมก็เลยเข้ามาแอบกะว่าจะแกล้งหลอกผี แล้วดันเผลอหลับไปน่ะซิครับ สงสัยพี่อูยองจะไม่ได้ออกมานอนด้วยแน่เลย ดูดิ!ทิ้งผมไว้ให้นอนเป็นตะคริวแบบนี้ได้ไงเนี่ย?”
ทั้งๆที่กำลังเครียดอยู่แท้ๆ แต่ก็อดที่จะหัวเราะเจ้าบ้าบ๊องตรงหน้าไม่ได้ นิชคุณควักมือเรียกน้องให้ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างตนเอง ก่อนจะดึงเอามือของร่างสูงมานวดเบาๆเพื่อคลายอาการตะคริวกินให้อีกฝ่ายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ขอบคุณมากครับ...ว่าแต่พี่ไม่เป็นไรจริงๆหรอ? ท่าทางพี่ดูไม่ดีเลย มีอะไรที่ผมพอช่วยได้บ้างหรือเปล่าครับ?”
เห็นพี่ชายคนเก่งหน้าซีดเซียวก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเป็นใยขึ้นมา ดูเหมือนดวงตากลมโตของอีกฝ่ายจะมีน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้า ฮวาง ชานซองก็ยิ่งร้อนใจตามไปด้วย
“เปล่า...คือจริงๆแล้วก็รู้สึกไม่ดีนิดหน่อยน่ะ...ขอยืมไหล่นายซักครู่นึ่งได้หรือเปล่า?”
รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรอ่อนแอ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงมันออกมาในที่สุด มือที่กำลังออกแรงนวดหยุดการกระทำทั้งหมดลงทันที แล้วเอนศีรษะของตนเองซบลงบนบ่ากว้างของน้องชายตัวโต พร้อมทั้งปิดดวงตาลงอีกครั้งเพื่อทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างให้จมลงภายในจิตใจของตนเอง
“ผมให้พี่ยืมไหล่ผมได้ตลอดแหละ ถ้าเป็นพี่อะไรผมก็ยอมครับ”
รอยยิ้มกว้างอย่างยินดีและเต็มใจถูกส่งไปให้คนข้างกาย จนดวงหน้าหวานช้อนดวงตากลมโตขึ้นมามองสบจ้องนั้นแหละ ฮวาง ชานซองถึงกับรีบเหล่มองไปทางอื่นพร้อมกับหน้าแดงๆของตัวเอง ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรกับอีกแค่มองพี่ชายตัวเองก็ต้องถึงกับใจสั่นด้วย ทำไมถึงเป็นแบบนี้อยู่ตลอดเวลา ดวงตาเศร้าๆนั้นทำเอาชานซองหัวใจแทบกระเด็น
“หึหึหึ...นายนี่เวอร์จริงๆเลยนะ แต่เอาเถอะยังไงก็ขอบใจมาก ฉันจะไปนอนแล้วนายเองก็ควรนอนได้แล้วเหมือนกันเดี๋ยวพรุ่งนี้มีอัดรายการเช้าไม่ตื่นกันพอดี”
หัวเราะออกมาเบาๆกับความน่ารักและจริงใจของคนตรงหน้า ก่อนจะส่ายหน้ากับความหวังดีที่แสนโอเวอร์ของน้องชาย เรือนร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะบิดตัวเล็กน้อยแล้วเดินจากร่างสูงไป ทิ้งให้ชานซองนั่งมองอีกฝ่ายตาค้างไปชั่วครู่ใหญ่แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟาด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะแบบแปลกๆ
.
.
“หืม?...แทคงั้นหรอ?ไปไหนมาน่ะ?”
จุนซูลืมตารู้สึกตัวเมื่อรู้สึกได้ว่าถูกสวมกอดที่ด้านหลังจากใครบางคน กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำเอาคนถูกกอดยิ้มน้อยๆเพราะรู้ว่าไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนรักกันนั้นเอง
“ไปเข้าห้องน้ำมาน่ะ...นอนต่อเถอะครับ ผมก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
กดจูบลงบนแก้มเนียนด้วยความรัก ก่อนจะข่มตาหลับทั้งๆที่ภายในจิตกลับปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก แม้คนรักตัวจริงจะนอนอยู่ข้างกายกัน แต่ใบหน้าของใครอีกคนก็ไม่อาจสลัดทิ้งไป หากเปรียบจุนซูเป็นเส้นเลือดแดง งั้นจะแปลกอะไรถ้านิชคุณจะเป็นเส้นเลือดดำ อวัยวะทุกส่วนล้วนสำคัญสำหรับตนเองทั้งนั้น จะปล่อยให้ขาดไปไม่ได้เพราะถ้าขาดหายไปนั้นหมายถึง “พิการ” หรือ “ตาย” เท่านั้น
.
.
ห้องนอนเงียบงัน ทุกอย่างว่างเปล่า ผ้าห่มบนเตียงถูกพับเรียบร้อย ราวกับที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝันของเจ้าของห้อง หากแต่เมื่อทิ้งกายลงนอนบนพื้นเตียงกว้าง กลิ่น “ใคร”บ้างคนที่ไม่ใช่ตนเอง ก็พาลเอานิชคุณถึงกับนิ่วหน้า ดวงตากลมรีบกระพริบตาถี่ไล่หยดน้ำใสๆที่กำลังจะหลั่งออกจากดวงตาคู่สวยของตัวเองให้กลับเข้าไปที่เดิม ตนไม่อยากเสียน้ำตา ไม่อยากร้องไห้ เพราะรู้ว่าต่อให้ร้องไห้ให้ตาย ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลงเพียงอย่างเดียว
“จะตี 3 แล้วงั้นหรอ?”
ถอนหายใจออกมาแล้วรีบบังคับให้ตนเองหลับตาลง โดยไวอย่าไปสนใจเรื่องอื่น วันพรุ่งนี้ยังมีเรื่องราวให้ตัวเองต้องจัดการอีกมากมาย เพราะไม่ต้องการเป็นภาระสำหรับใครในวงทั้งสิ้น แม้แต่กับตัวของเขาเองก็ตาม
.
.
“พี่อูยอง...เมื่อคืนทำไมพี่ไม่ยอมมานอนข้างนอกกับผมกัน?”
ชานซองโวยวายขึ้นทันทีที่เห็นพี่ชายรวยแก้มเดินออกจากห้องมากินข้าวเช้า พร้อมทั้งหยิบกล้วยใบโตอัดใส่ปากตัวเองด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“เอาน่าอย่าโกรธไปเลย! เมื่อคืนเผลอตัวเล่นโปกเกอร์กับจุนโฮเพลินไปหน่อย จนหลับคาวงไพ่เลยไม่ได้ออกมานอนด้วยขอโทษที ว่าแต่ทำไมหรอมีอะไรป่ะ?...ขอบคุณครับ~”
ตบบ่าน้องชายตัวยักษ์แบบขอไปที แล้วหันไปสนใจขนมปังทาเนยถั่วที่จุนซูกำลังป้ายเสร็จพอดี ดวงตาเล็กๆจ้องมองพี่ใหญ่แดกูอย่างน่าสงสาร จนในที่สุดจุนซูก็ยอมใจอ่อนยื่นชิ้นที่ทำเสร็จให้น้องแต่โดยดี
“ก็เมื่อคืนผมไปแอบพี่ที่ไอ่ซอกโซฟานั้นอ่ะ แล้วเผลอหลับไป ตะคริวเงี่ยกินไปทั้งตัว ดีนะเจอพี่คุณมาช่วยพอดีไม่งั้นนะยันเช้า...เอ่อ ว่าแต่พี่เขาไปไหน ปกติตื่นเช้าที่สุดในบ้านเลยไม่ใช่หรอ? ผมไปดูหน่อยดีกว่า”
หยิบเอากล้วยใบที่ 5 มาแนบกาย แล้วดันเก้าอี้เตรียมจะลุกขึ้นไปดูพี่ชายหน้าหวาน แต่ทว่ากลับมีมือของใครบางคนมากดไหล่ตนเองเอาไว้ให้นั่งลงตามเดิม
“นายไม่ต้องไปหรอก!เดี๋ยวฉันไปตามเองดีกว่า นายยังกินกล้วยไม่เสร็จก็กินให้เสร็จซะ ฉันอิ่มแล้วเดี๋ยวไปตามคุณลงมาเอง”
ไม่รอเอาคำตอบจากใคร แทคยอนรีบลุกขึ้นเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่รีรอทันที จนจุนซูถึงกับมองตามด้วยความแปลกใจ ก็ที่บอกว่ากินอิ่มแล้วตั้งแต่ลงมาด้วยกันตนไม่เห็นคนรักหยิบอะไรเข้าปากซักคำแล้วจะบอกว่าอิ่มได้ยังไงกันนะ?
.
.
“คุณตื่นหรือยัง? คุณ...ฉันขอเข้าไปนะ”
ถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปโดยพละการ ใบหน้าคมเข้มมองจ้องไปบนเตียงกว้างที่นิชคุณนอนหลับสนิทอยู่ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย ใบหน้าหวานหลับตาพริ้มราวกับเจ้าหญิงนินทราถ้าไม่ติดที่คิ้วเข้มนั้นขยับย่นตัวเข้าหากันจนแสดงให้รู้ว่าคนที่กำลังหลับอยู่นี่กำลังเครียดมากแค่ไหน
“คุณ...ฉันขอโทษ”
ร่างสูงใช้นิ้วของตนเองเข้าไปขยับให้หัวคิ้วที่กำลังชนกันคลายตัวออก ก่อนจะเผลอใจก้มลงจุมพิตริมฝีปากแดงจัดอย่างไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้เหมือนที่เคยเป็นมา
“อื้อ...นาย...แทคเข้ามาทำไม?”
นิชคุณเอ่ยตำหนิอีกฝ่ายทันทีที่เห็นหน้า ยิ่งอยากออกห่างอีกฝ่ายก็ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งตนพลักไสก็ยิ่งถูกเข้าหา ใบหน้าหวานส่ายหน้าออกมาอย่างระอาใจ ถ้ายังเป็นแบบนี้แล้วเมื่อไรจะต่างฝ่ายต่างตัดใจกันได้เสียที่เล่า?
“คนอื่นๆเห็นนายยังไม่ตื่นเลยพากันเป็นห่วง ฉันเลยอาสามาปลุก ส่วนเรื่องเมื่อกี้.../ช่างเถอะ! ไม่ต้องพูดแล้วเมื่อกี้ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ดันตัวลุกขึ้นจากเตียง เรียวขาขาวก้าวตรงไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกายแล้วถอดเสื้อกล้ามสีขาวออกเหลือเพียงแผ่นอกเปลือยเปล่าดวงตากลมโตเหลือบมองกระจกผ่านไปยังด้านหลังตนเอง ทำให้รู้ว่าร่างสูงยังคงไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวเองไปไหน อีกทั้งยังมองสบตานิชคุณด้วยความรู้สึกปิดที่ไม่มิด
“ต่อให้ฉันแก้ผ้าต่อหน้านาย นายก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันทั้งนั้นแล้วแทคเลิกมองกันแบบนี้เถอะ แล้วก็ออกไปซะ ทั้งจากห้องนี้แล้วก็จากชีวิตของฉันด้วย!”
เดินผ่านอีกฝ่ายอย่างไม่ใยดี หมายจะออกจากห้องเพื่อไปอาบน้ำแต่ก็กลับทำไม่ได้ง่ายๆ ตามที่ต้องการเมื่อแทคยอนปิดประตูและล็อกห้องได้ทันก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินหนีจากกันซ้ำอีกครั้งเหมือนเมื่อคืน
“ฉันออกไปจากชีวิตนายไม่ได้...เพราะฉันรัก../พอแล้วแทค!ฉันไม่ได้อยากได้ยินมันเลย ถ้านายยังบอกว่ารักฉันอยู่แบบนี้แต่ยังปล่อยมือจากพี่จุนซูไม่ได้ก็อย่ามาพูดกับฉัน หรือถ้านายยังบอกว่ารักพี่จุนซุแต่ก็ยังปล่อยมือจากฉันไม่ได้ คำตอบของฉันก็เหมือนเดิมคืออย่ามาพูดกับฉัน อย่าลากให้ฉันต้องตกนรกไปมากกว่านี้ แค่ทุกวันที่ฉันเป็นอยู่ก็เหมือนต้องตกนรกทั้งเป็นอยู่แล้ว ความสัมพันธ์แบบนี้ฉันอยากหยุด อยากเลิก อยากให้มันจบแล้วมันก็ควรจบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ทำไมนายถึงยังดื้อดึงมันอยู่ได้กันละแทค?”
นิชคุณเลือกที่จะเผชิญหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่หวั่นเกรง แต่กลับเป็นอีกฝ่ายที่เลือกหันใบหน้าหนีไม่กล้าสู้หน้าตนเองแทน มือนุ่มยกขึ้นจับปลายคางของแทคยอนให้หันมามองสบกัน เพื่อร้องขอคำถามที่ต้องการคำตอบเป็นครั้งแรกอย่างจริงจัง
“ก็ได้คุณฉันจะปล่อยมือจากนาย ถ้านายกล้าสาบานกับตัวเองว่าไม่มีฉันอยู่เลยในหัวใจ ฉันจะเดินออกไปจากชีวิตนายทันที!”
ถ้านั้นเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบของนิชคุณ นี่ก็เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบของ อ๊ก แทคยอน เช่นกันไม่แตกต่าง รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าเห็นแก่ตัวที่จะทำแบบนี้ แต่เขาก็เคยพูดไปแล้ว ว่าเขาไม่สามารถขาดใครคนใดคนนึ่งไปได้ ดังนั้นเขาจะไม่มีวันทิ้งนิชคุณไปแน่ ตนเลือกที่จะถามคำถามราวกับชนักที่ปลักลงบนหลังนิชคุณซ้ำๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกล้าบินหนีตนเองไปได้
“...........”
ไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย จะมีก็แต่ความเงียบเท่านั้นที่เป็นสักขีพยานของความจริง
“ดีแล้วคุณที่ไม่โกหกตัวเอง เพราะต่อให้นายโกหก ฉันก็จะรู้อยู่ดีว่าความจริงมันเป็นยังไง...อาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวซะทุกคนรอนายอยู่”
ถ้าเพื่อความรักแล้วแทคยอนยอมเป็นคนเลว เพราะสำหรับเขาความรักไม่ใช่การเสียสละ...แต่มันคือการครอบครองต่างหาก ต่อให้จะถูกมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว เลว ระยำ ต่ำช้าก็ช่าง แค่ไม่เสียใครคนใดคนนึ่งไป ตนก็พอใจอย่างเป็นที่สุดแล้ว!
-TBC # 2-
TALK’S :: เป็นครั้งแรกที่แต่งฟิคนะคะ ลองเอามาลงดูไม่รู้ชอบกันหรือไม่ ยังไงก็ฝากกันด้วยแล้วกันนะคะ อยากมันเป็นแทคคุณ แต่ว่าเอาเข้าจริงๆก็ยังไม่แน่ เอาเป็นว่าแทคคุณไปก่อนแล้วกันคะ...แหะๆๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น