FIC :: LAST 5
COUPLE :: TK
-5-
“พี่คุณทำอะไรอยู่ครับ? ลงไปกินข้าวกันเถอะ!/อื้อ...ปะ...ไปเดี๋ยวนี้เลย!”
ชานซองเปิดประตูแล้วโผล่พรวดเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง นิชคุณซ่อนกุญแจลิ้นชักของตัวเขาเองไม่ทัน ก็ยังดีที่ชานซองไม่ได้เป็นคนช่างสังเกตุอะไรมากมายนักจึงไม่นึกสนใจกุญแจที่นิชคุณถืออยู่แม้แต่น้อย นิ้วมือเรียวยัดเจ้าลูกกุญแจลงที่กระเป๋ากางเกงอย่างรีบร้อน ก่อนจะเดินตัวตรงตามน้องชายไปอย่างว่าง่าย
สมุดไดอารี่ปกแดงถูกซ่อนตัวอยู่อย่างเป็นความลับภายในลิ้นชักของนิชคุณพร้อมกับความลับที่มากมายของตัวตนเจ้าของสมุด ไม่มีใครรู้รายละเอียดข้างในนั้นซักคนนอกเสียจากตัวของนิชคุณเอง แต่หากมีคนได้มีโอกาศเปิดมันออกแล้วอ่านมันละ ความลับนั้นจะเป็นยังไง? แล้วถึงที่สุดแล้ว “สุดท้าย” มันจะจบอย่างไง ก็ยังคงไม่มีใครล่วงรู้
.
.
“พี่คุณรำคาญผมงั้นหรือครับ?”
แม้ว่าปกติ ฮวาง ชานซองจะไม่ใช่คนฉลาดมากมายอะไรนักหนา แต่ถ้ากับคนที่ตัวเองรู้สึกดีด้วยอย่าง นิชคุณ แล้วเขากลับรู้สึกอ่อนไหวไปกับคนคนนี้เป็นพิเศษ ระยะ2-3วันมานี่ พี่ชายหน้าหวานมักมีสีหน้าอึดอัดแทบจะทุกครั้งที่ได้อยู่เพียงลำพังกับเขาแค่สองต่อสอง จนชานซองรู้สึกได้
“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกชานซอง...ก็แค่รู้สึกว่านายแปลกไป...นาย...ฉันไม่ได้รำคาญอะไรนายนะ แค่อึดอัดที่อยู่ๆนายก็รุกฉันแบบนั้นน่ะ ช่วยกลับมาเป็นปกติทีเถอะ อย่าทำแบบ 3 วันที่ผ่านมาเลยชานซอง”
เพราะรู้ว่าหากบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามหรือโกหกออกไป ชายหนุ่มก็คงจะตามเอาคำตอบไม่เลิกลา ถ้าไม่ได้รับสิ่งที่ถูกใจคุณจึงเลือกที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองไปตรงๆเสีย เพื่อให้คนตรงหน้าเข้าใจถึงความคิดของเขา
“ผมขอโทษครับพี่คุณ...ผมก็แค่อยากแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาให้พี่รู้เร็วๆ ขนาดพี่จุนซูยังบอกเลยนะครับว่าผมทำดีแล้วที่รุกพี่ไปแบบนั้น เขายุให้ผมทำยิ่งกว่านี้อีกครับ แถมบอกว่าถ้าไม่รีบทำคะแนนตอนนี้ อนาคตผมจะโดนคนอื่นคว้าตัวพี่ไปแทนด้วย พี่จุนซูเล่นขู่กันแบบนี้แล้วจะให้ผมคิดเป็นแบบอื่นได้ยังไงละครับ?”
ร่างสูงพูดไปก็นึกย้อนไปถึงเมื่อ 3 วันก่อนนี้ด้วย หลังจากกลับจากสวนสนุกนั้น ตนก็ถูกพี่ชายคนโตเรียกไปคุณเป็นการส่วนตัวหลายต่อหลายครั้ง แรกๆตนก็ไม่รู้สึกอะไรซักเท่าไร แต่พอโดนพูดแบบนั้นเข้าหลายๆทีมันก็อดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา จนเผลอเชื่อคำยุยงของคิม จุนซูแล้วก็ทำอะไรบ้าบอแบบนั้นออกมาจนได้
“ว่าอะไรนะ?...พี่จุนซูน่ะหรอพูดแบบนั้น?”
อึ้งไปไม่น้อยเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วตัวการหลักเป็นใคร แล้วทำไมพี่จุนซูต้องทำแบบนั้นด้วยตนไม่เข้าใจจริงๆ พักหลังๆมานี่หลายคนต่างก็ทำตัวแปลกประหลาดใส่เขากันทั้งนั้น มันเป็นเพราะอะไรกันนะ?
“ยุจนผมละเครียดจริงๆครับ...แต่พูดถึงเรื่องเครียดผมว่าคนที่ควรจะเครียดมากกว่าผมน่าจะเป็นพี่แทคมากกว่าละมั้ง เห็นช่วงนี้ไม่พูดไม่จาอะไรกับใคร ขนาดกับพี่จุนซูเองก็ยังเอาแต่ทะเลาะกันเลย แต่ก็ช่างเถอะครับมันเป็นเรื่องของคนรักกันเดี๋ยวก็คงเคลียน์กันได้...ละมั้ง...ส่วนกับพี่ผมขอโทษครับ ที่เอาแต่ใจร้อนเกินเหตุจนทำให้พี่อึดอัดนะครับ ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนั้นแล้ว สัญญาเลย”
ยื่นนิ้วก้อยออกมาขอเกี่ยวทำสัญญาอย่างกับเด็กน้อย ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วนิ้วก้อยนิ้วเดียวของ ฮวาง ชานซองจะเกือบเท่านิ้วชี้กับนิ้วกลางของเด็กอายุ 3 ขวบรวมกับเสียด้วยซ้ำแบบนั้นก็ตาม แต่คุณก็ยอมร่วมเกี่ยวก้อยทำสัญญาเด็กน้อยในร่างชายหนุ่มพร้อมมอบรอยยิ้มหวานๆให้เป็นรางวัลสำหรับเด็กดี
“.....”
ใบหน้าหวานเริ่มกลับมานิ่งไปอีกครั้ง เมื่อเดินมาถึงโต๊ะกินข้าว เพราะทันทีที่แทคยอนหันมาเห็นและเผลอสบตากับตนเอง ร่างสูงก็กลับรีบหันหลบทันที ทำราวกับกำลังมองสิ่งปฎิกูลอันแสนน่ารังเกียจแบบเขาเข้า แถมที่นั่งที่เหลืออยู่แค่ที่เดียวบนโต๊ะก็กลับเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับแทคยอนและจุนซูอีกต่างหาก
“อ้าว?...มาแล้วหรอชานซอง คุณ...รีบนั่งเถอะทุกคนกำลังรออยู่เลย!”
จุนซูกวักมือเรียกน้องทั้งสองให้รีบเดินมานั่งลงที่โต๊ะ ตนจงใจเลือกที่นั่งที่ดีที่สุดเอาไว้ให้นิชคุณนั่งเป็นการเฉพาะ ใบหน้าของพี่ใหญ่อย่างจุนซูมองดูคนรักและน้องชายร่วมวงของตนเผชิญหน้ากันอย่างนึกสนุกในใจ ตนอยากจะรู้ว่าคนทั้งสองจะเล่นละครตบตา คิม จุนซูคนนี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน!
.
.
“ทำไมช่วงนี้นายสองคนไม่ค่อยคุยกันเลยละ อุตสาห์ปล่อยให้ปรับความเข้าใจกันแล้ว...ทำไมยังไม่ยอมคุยกันอีก แถมดูเหมือนจะห่างกันมากกว่าเดิมซะอีกนะ?”
ไม่รอช้าที่จะเป็นคนเริ่มเปิดประเด็น คิม จุนซูท้าวคางมองดูทั้งแทคยอนและนิชคุณสลับกันไปมาเพื่อรอดูว่าใครจะมีปฎิกิริยาโต้ตอบกับตัวเขาได้เร็วกว่ากัน
“ผมกับคุณเราคืนดีกันแล้วครับ...แต่ว่าที่ไม่ค่อยคุยกันมันก็เพราะมันไม่มีอะไรจะคุยมากกว่า พี่จุนซูอย่าคิดมากไปเลยครับ”
เป็นแทคยอนที่ออกปากก่อน ใบหน้าเนียนหยุดมองสลับคนทั้งสองคนแล้ว เริ่มหันไปจดจ้องกับร่างสูงด้วยสีหน้าที่ยากจะหยั่งถึงได้ ดวงตาเรียงมองเสี้ยวหน้าคมคลายของคนรักก่อนจะยักยิ้มขึ้นเล็กน้อยที่มุมปาก ด้วยอีกฝ่ายไม่ยอมหันมามองหน้าหรือสบตากับเขาแม้แต่น้อย
“ไม่มีอะไรคุยกันงั้นหรอ?...งั้นฉันควรจะหากิจกรรมให้พวกนายไปทำกัน 2 ต่อ 2 ดีมะจะได้มีเรื่องคุยกันไง?”
ตวัดสายตาหันมายิ้มให้คนหน้าหวานฝั่งตรงกันข้ามกับแทคยอนด้วยสายตามาดร้ายชั่วครู่ก่อนจะกลบมันทิ้งด้วยหน้ากากของพี่ชายแสนดีแทนที่อย่างรวดเร็ว
“มะ...ไม่จำเป็นหรอกครับพี่จุนซู ผมกับแทคเราโอเคแล้วครับ”
เพราะได้ปะทะเข้ากับสายตาที่แสนน่าหวาดหวั่นของจุนซูได้ทันก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนสีหน้า หัวใจของนิชคุณก็แทบจะระเบิดออกกลายเป็นเสี่ยงๆ...นับวันพี่ชายที่แสนดีสำหรับเขากลับดูมีท่าทีที่น่าสงสัยกับนิชคุณคนนี้มากขึ้นทุกวันจนเขารู้สึกวิตกอย่างไม่อาจห้ามความรู้สึกที่เรียกว่า “กลัว”นี้ได้อีกต่อไป
“แต่ที่ฉันเห็นมันไม่นะ!...พวกนายสองคนดู...ห่างเหิน...จนทำเอาฉันรู้สึกแย่อย่างกลับกลายเป็นต้นเหตุให้พวกนายไม่มองหน้ากัน พวกนายเป็น...เพื่อนรัก...กันไม่ใช่หรอไง?จะกล้า...ทรยศหักหลัง...ความรู้สึกของตัวเองไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้ากันงั้นหรอโกหกเกินไปละมั้ง?”
เข้าแทรกซึมและพูดว่าร้ายจิกกัดคนทั้ง 2 ด้วยวาจาที่แสนกดดันและแสบคันไปถึงทรวงอก เพื่อให้คนทั้งคู่เจ็บปวดกับคำพูดที่เพื่อนร่วมวงคนอื่นๆไม่สามารถเข้าใจได้ แต่เขาและคนอีก 2 คนนั้นจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน แล้วความคิดประสงค์ร้ายก็บรรลุผลเมื่อนิชคุณวางตะเกียบลงด้วยมืออันสั่นเทาพร้อมกับลุกขึ้นจากโต๊ะโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“อ้าว? พี่คุณยังไม่ได้กินซักคำ...พี่จุนซูพี่พูดอะไรของพี่เนี่ย?ทำไมต้องพูดให้พี่คุณแย่แบบนี้ด้วยอ่ะ? แล้วทรยศอะไรหักหลังอะไรของพี่ครับ เมื่อเช้าลืมกินยาเขย่าขวดหรือไงถึงได้พูดจาเลอะเทอะอย่างกับคนไม่มีความคิดแบบนี้!”
ชานซองออกปากว่าจุนซูอย่างไม่พอใจอย่างแรง แม้เขาจะไม่รู้ก็เถอะว่าประโยคสุดท้ายมันหมายถึงอะไรแต่คำว่า “ทรยศหักหลัง”ของ คิม จุนซูนั้นมันก็ฟังดูแย่จนชานซองถึงกับไม่พอใจแทนนิชคุณขึ้นมาทีเดียว ร่างสูงรีบลุกขึ้นเดินตามพี่ชายหน้าหวานไปติดๆโดยมีเพื่อนร่วมวงมองตามหลังไปอย่างนึกเป็นห่วง
“พี่จุนซู พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับทำไมวันนี้ถึงดูแปลกๆ/ใช่! คำพูดพี่ก็แปลกนะครับ?”
ทั้งอูยองและจุนโฮต่างก็หันไปพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพอที่จะตำหนิพี่ชายคนโตซักเท่าไรนัก เพราะแค่สิ่งที่ฮวาง ชานซองพูดว่าจุนซูออกมาก็พาลเอาสีหน้ายิ้มแย้มของจุนซูเกิดตึงขึ้นมาทันทีด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรงไปแล้ว พวกเขาไม่อยากทำให้จุนซูโมโหหนักไปมากกว่าที่ควรจะเป็นกว่านี้
“งั้นหรอฉันนี่แย่จริงๆเลยนะ?...ฉันคงเป็นห่วงความรู้สึกของตัวเองมากเกินไปหน่อย เลยพูดแบบไม่คิดให้ดีกับคุณไปน่ะแย่จริงๆเลย ใช่ไหมแทค...แทค!”
พยายามข่มความโมโหของตัวเองที่มีต่อชานซองเอาไว้อย่างถึงที่สุดแล้วหันหน้าไปขอความเห็นใจจากคนรักแทน แต่กลับทำให้จุนซูพูดไม่ออกมากกว่าเดิม ร่างสูงดูไม่ได้สนใจใยดีเขาแม้แต่น้อยแต่กลับเหม่อมองตามหลังนิชคุณและชานซองขึ้นไปด้วยสีหน้าเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด
“ครับ?...ว่ายังไงนะ?”
แทคยอนยอมหันกลับมาหลังจากถูกเรียกด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นสูงเล็กน้อย พร้อมการกระชากที่ต้นแขน คิม จุนซูดูจะโมโหเสียจนปากคอสั่นเทาและไม่รอให้ตนเองพูดถามอะไรอีกต่อไป ก็กระแทกตัวเดินออกจากโต๊ะกินข้าวเดินเข้าห้องด้วยท่าทีหงุดหงิดโดยไม่ยอมเอ่ยปากอะไรอีกเลย ร่างสูงจึงรีบลุกเดินตามเข้าห้องไป เหลือทิ้งไว้แค่อูยองและจุนโฮเหมือนกับวันไปสวนสนุกไม่มีผิดเพียงแต่ครั้งนี้แทคยอนไม่ได้ทิ้งเงินเอาไว้ให้แต่เป็นจานชามกองโตที่ไม่มีใครยอมเก็บล้างแทนเงินเสียนี่
“เฮ้อ...ซวยแล้วไงจานบานเลยอ่ะอูยอง! /ทำใจเห๊อะจุนโฮ...ไงก็ต้องเป็นพวกเราที่เก็บอ่ะ”
.
.
“หรือพี่จุนซูจะรู้เรื่องระหว่างแทคกับเราแล้ว?”
แค่คิดในช่องท้องเขาก็บิดม้วนไปหมด นิชคุณนอนงอตัวกอดร่างกายของตนเองเอาไว้แน่น เครียดเกร็งไปทั่วทุกอณูกาย ถ้าพี่จุนซูรู้เรื่องแล้วตนควรจะทำตัวเช่นไรต่อไปดี?
“ฮึก...จะ...จะทำยังไง? จะทำยังไงดี?”
ได้แต่ปิดหน้าร้องไห้กับตัวเอง โดยไม่รับรู้ว่ามีใครอีกคนเดินเข้ามาในห้อง พร้อมเฝ้ามองเขาอยู่อย่างเป็นห่วง ชานซองทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงกว้างไม่ห่างจากจุดที่คุณนอนร้องไห้อยู่บนเตียงเท่าใดนัก
“มันมีอะไรกันแน่ครับพี่คุณ?”
เพราะไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจปล่อยผ่านให้เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้เช่นกัน ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเฉยเมยมากกว่านี้แต่กับนิชคุณไม่ใช่ เขาแน่ใจแล้วว่าคนคนนี้คือคนที่เขาเลือกที่จะ “รักและปกป้อง” เพราะงั้นเขาไม่มีวันปล่อยผ่านไปแน่นอน ถึงเขาไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้มากมายนัก แต่เขาก็จะช่วยถ้าจะทำให้นิชคุณหยุดร้องไห้ได้ต่อให้ยากแค่ไหนเขาก็จะทำ!
“มะ...ไม่มีอะไร ฉันก็แค่...อย่าถามเลยชานซอง ไม่มีอะไรที่นายต้องรู้หรอกนะ”
ส่ายหน้าปฎิเสธที่จะเล่าเรื่องทุกอย่าง มันยากเกินกว่าที่เขาจะพูด มันยากเกินว่าที่เขาจะอธิบาย เพราะถ้าบอกออกไปคนที่เลวที่สุดในความคิดของนิชคุณก็คงหนีไม่พ้นตัวเขาเองอยู่ดี นั้น
“ผมต้องรู้ครับพี่คุณ...ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องรู้ให้ได้ ถึงผมจะไม่รู้เรื่องทั้งหมดแต่ก็พอเดาได้ไม่ยากว่า...ใคร...ที่เกี่ยวข้องบ้าง ถ้าพี่ไม่ตอบผม ผมก็จะไปถามเอากับพี่จุนซุหรือไม่ก็พี่แทคยอนเอง”
ฮวาง ชานซองไม่ได้ขู่แม้แต่น้อย เขาจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ ร่างสูงกำยำเตรียมเคลื่อนย้ายตัวเองไปหาเหล่าพี่ชายคู่รักเพื่อเค้นเอาความจริงออกจากปากของคนทั้งคู่ด้วยความตั้งใจ
“อย่านะชานซองถ้านายทำแบบนั้น ฉันจะไม่คุย ไม่มองหน้านายอีกเลยตลอดชีวิต...นี่มันไม่ใช่เรื่องของนาย มันไม่ใช่สิ่งที่นายควรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่าเข้ามายุ่งมากไปกว่านี้!...ถือว่าฉันขอร้องละ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
มือขาวจับชายเสื้อของร่างสูงเอาไว้แน่นพร้อมเอ่ยคำขอร้องแกมบังคับไม่ให้ชายหนุ่มเข้ามาวุ่นวายไปมากกว่านี้เพราะเขาไม่ต้องการดึงเอาชานซองมาใช้ประโยชน์และไม่ต้องการที่จะให้ใครเจ็บช้ำไปมากกว่าที่ควรจะเป็น นิชคุณจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบแทนที่จะเล่าเรื่องต่างๆของตัวเขาที่แสนน่าละอายใจเกินกว่าที่จะบอกเล่าให้ชานซองฟัง
“ก็ได้ครับผมจจะหยุดเพื่อพี่...แต่ผมจะไม่ยอมหยุดปกป้องพี่แน่เพราะ...ผมรักพี่ครับพี่คุณ”
ร่างสูงเชยคางมนให้ใบหน้าหวานขึ้นมาสบตากับเขา ก่อนจะโน้มตัวลงจูบลงบนริมฝีปากแดงอย่างแผ่วเบาและปาดซับน้ำตาให้ดวงตาที่บอบช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักด้วยความรักที่มีให้นิชคุณที่นับวันยิ่งมากขึ้นทุกที
“ชานซอง...ฉัน...แต่ฉันยัง.../ ไม่จำเป็นต้องพูดครับ ผมรู้ดีว่าพี่ยังไม่พร้อมที่จะรู้สึกแบบนั้นกับผม แต่ผมไม่ได้อยากได้อะไร ผมแค่อยากบอก ผมแค่อยากพูดตรงๆ พี่ไม่จำเป็นต้องตอบรับมันหรอกครับ แค่ให้ผมได้อยู่เคียงข้างพี่ ได้ปกป้องพี่จะฐานะอะไรก็ได้ทั้งนั้น แค่นั้นก็พอแล้วครับ”
ที่ผ่านมาเขาอาจจะพูดตรงๆได้แบบไม่ต้องคิดมาก ทำอะไรแบบไม่อายคนอื่นก็จริง นั้นก็เพราะในส่วนลึกเขายังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อนิชคุณว่าแท้จริงแล้วเขารู้สึกผูกพันธ์และเห็นอีกฝ่าย “สำคัญ” ในฐานะอะไรกันเนี่ย แต่เมื่อวันนี้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของตัวเขาเองจากการเห็นน้ำตาของนิชคุณเขาก็ไม่ควรจะเก็บเอาไว้อีกต่อไป
ชายหนุ่มยิ้มให้นิชคุณอย่างขลาดเขิลเล็กน้อย เมื่อต้องเอ่ยปากบอกประโยคที่แสนจะเลี่ยนเช่นนี้ออกมา แต่ถ้าเขาไม่ได้บอกนิชคุณในเวลานี้ ถ้าเขาพลาดเวลานี้ไป เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกอีกครั้งเมื่อไร และวันไหนที่จะกล้าหาญและจริงใจแบบสุดๆเหมือนวันนี้ได้เช่นกัน
“ขอบคุณนะชานซองที่เข้าใจกัน”
.
.
“พี่ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรครับ?...ผมพยายามอยู่ห่างจากคุณแล้วแต่ทำไมพี่ถึงได้พูดจาแบบนั้นกัน?”
เขาเลือกที่จะปิดปากเงียบเพื่อปกป้องนิชคุณมาตลอดระยะเวลากว่า 3 วันที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงวันที่ 4 แต่ทุกอย่างก็กลับพังไม่เป็นท่าเพียง
เพราะคิม จุนซูยังคงหวาดระแวงและวางแผนทำสิ่งบ้าบอนี้ออกมาจนกลายเป็นเรื่องในที่สุด
“อยู่ห่างงั้นหรอ? แต่สายตานายเมื่อกี้ที่มองตามหลังคุณไปมันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะแทค นายคงคิดถึงหมอนั้นเสียเต็มประดาห่างกับมันแค่ไม่กี่วันก็จะเป็นจะตายเลยหรือยังไงแทค!”
เมื่อความเกลียดชังเริ่มประทุ คิม จุนซูก็ลืมคำสุภาพไปสิ้น เปลี่ยนสรรพนามเป็น “มัน”ด้วยความเกลียดชังจากก้นบึงหัวใจทันควัน ตนไม่ได้แค่พึ่งจะเริ่ม “เกลียด” นิชคุณ แต่ “เกลียด” มานานแล้ว เกลียดตั้งแต่ที่เคยเจอกันครั้งแรกแล้วต่างหาก!
“พี่จุนซู!...หยุดพูดแบบนั้นกับคุณ เขามีชื่อเป็นของตัวเอง พี่ไม่ควรพูดจาแบบนั้นนะครับ!”
แทคยอนตวาดกลับอย่างรุนแรงทันทีที่ได้ยินว่าจุนซูกำลังพูดถึงบุคคลที่ 3 ในแง่ร้ายๆอยู่ไม่เลิกเช่นนั้น ตั้งแต่กลับจากสวนสนุกไม่มีวันไหนที่เขาไม่ได้เถียงหรือไม่ทะเลาะกับคนรักแม้แต่วันเดียวจนตัวเขาเองเริ่มเหนื่อยใจ
“ทำไมจะเรียกไม่ได้!...นายเป็นคนรักของฉันแต่กลับถูกมันแย่งไปเอาไป แล้วทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ฉันเคยบอกนายแล้วใช่หรือเปล่าว่ากับความรักฉันไม่ได้มีความอดทนมากพอ นายเป็นของฉัน! ของฉันคนเดียว! หมอนั้นไม่เลือกนายเอง ปล่อยให้นายตกเป็นของฉันแล้วจะมาเรียกร้องทำตัวน่าสงสารเอาอะไร? นายเองก็เลือกฉันแล้ว และที่สำคัญฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไป! ถึงนิชคุณจะมาก่อนแต่ฉันรักนายก่อน! ได้ยินไหมแทคฉันรักนายก่อนเขา!”
เสียงรอยร้าวในจิตใจกำลังแตกเป็นทางยาว สิ้นสุดความอดกลั้นจุนซูก็ระเบิดออกอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ริมฝีปากนุ่นกัดและขบเม้มจนกลายเป็นเส้นตรง ดวงตาเรียวรีไม่มีแม้หยอดน้ำตาแต่กลับแดงกล่ำไปด้วยความโทสะและเกลียดชัง
“ทำไม!ใครๆก็ไปรุมรักแต่นิชคุณเพราะอะไรกัน!...ฉันเกลียดทุกอย่างที่เป็นนิชคุณ เกลียดๆๆได้ยินหรือเปล่าแทคว่าฉันเกลียด! ทั้งๆที่คิดว่าจะหยุดเกลียดได้เพราะนายเลือกฉันมากกว่ามัน แต่ว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยไม่ว่าจะเรื่องที่ฉันจะหยุดเกลียดนิชคุณแล้ว หรือเรื่องที่คิดว่านายจะรักแค่ฉันมากที่สุด มันก็แค่เรื่องโกหกทั้งเพ ฉันโกหกตัวเองทั้งนั้น ความจริงก็คือฉันเกลียดนิชคุณแล้วก็เกลียดมากขึ้นทุกครั้งที่นานใส่ใจแต่มันด้วย และก็เรื่องที่ความจริงแล้วนายรักมันมากกว่าฉัน...แต่จำไว้นะแทคนายจะไม่มีวันได้กลับไปหามัน เพราะถ้านายทำ...ฉันจะทำให้แน่ใจว่าพวกนายจะไม่มีวันมีความสุขกันได้อีกตลอดชั่วชีวิตที่ฉันยังมีลมหายใจ!”
เอ่ยปากด่าทอและสาปแช่งนิชคุณและแทคยอนอย่างไม่ยอมแพ้ ในเมื่อได้พูดแล้วตนก็จะพูดอย่างที่ใจอยากให้มันถึงที่สุดกันไป!
“พี่จุนซู ผม...ผม..ไม่ได้รักคุณมากกว่าพี่...พี่กำลังจะพยายามเข้าใจพี่อยู่ แล้วผมรักพี่มากกว่า ผมสัญญาว่าจะรักพี่มากกว่า ผมจะหยุด จะตัดใจจากคุณ พี่เลิกคิดอะไรแบบนั้นเถอะครับ! หยุดเกลียดคุณด้วยเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเป็นผมเองที่ผิดคนเดียว”
อ๊ก แทคยอนคิดไม่ถึงว่าอารมณ์ของจุนซูจะรุนแรงดังพายุกระหน่ำได้มากเพียงนี้ ร่างสูงตัดสินใจจะหยุดโดยการพูดเอาใจเพื่อปกป้องนิชคุณและเข้าโอบกอดคนรักเอาไว้เพื่อให้แน่ใจว่าคิม จุนซูจะเข้าใจและยอมสงบลงแต่ทว่า
“...ก็ได้แทค...ฉันจะเชื่อนาย...ครั้งนี้ฉันจะเชื่อนาย!...เพราะฉันรักนายเลยไม่อยากเสียนายไป ฉันมันแย่มากที่คิดอะไรเลวๆกับคุณ ฉันแค่โมโหที่คิดไปเองว่านายรักคุณแต่ไม่ได้รักฉัน แต่ถ้านายยืนยันว่ารักฉัน ฉันก็จะหยุดคิดเกลียดคุณเดี๋ยวนี้เลย!”
จุนซูยอมหยุดและรับการปลอบประโลมจากอีกฝ่ายโดยดี ราวกับปฎิหาร จนแทคยอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่กลับไม่ได้รับรู้ว่าเรือนร่างที่ถูกตนโอบกอดนั้นกำลังทำสีหน้าแบบไหนหรือคิดอะไรอยู่ในใจจริงๆ
::…ไม่ได้รักคุณมากกว่าฉันงั้นหรอ? จะตัดใจจากคุณงั้นหรอ? นายมันโกหกทั้งเพ อ๊ก แทคยอน! คิดว่าฉันจะเชื่อคำลวงของนายหรือยังไงกันแทค...นายมันคนหน้าโง่! ที่แค่หัวใจของตัวเองก็ยังไม่รู้ว่ารักใคร แต่ในเมื่อนิชคุณรักนาย และนายก็รักนิชคุณฉันก็จะเก็บนายเอาไว้กับตัว แล้วจะทรมาณทั้งนายทั้งหมอนั้นให้รู้สึกเหมือนกับตายทั้งเป็นเลยค่อยดูซิ!...::
ในเมื่อเขาไม่ได้หัวใจของแทคยอนมาก็ไม่เป็นไร ขอแค่ตัวของชายหนุ่มอยู่กับเขาก็เพียงพอ และในเมื่อเลือกที่จะเป็นคนรักและพี่ชายที่แสนดีไม่ได้ เขาก็จะเลวอย่างที่มันควรจะเป็นมาตั้งแต่เริ่มต้นเสียที!
.
.
“มันเกิดอะไรกันขึ้นไหนลองอธิบายมาหน่อยซิ?”
ดูเหมือนที่ภายในวงทะเลาะกันจะล่วงรู้เข้าไปถึงหูของท่านประธานคนเก่งของเจวายพีเข้าจนได้ เช้าวันต่อมาเหล่าสมาชิก 2พีเอ็มก็ถูกเรียกเข้าไปหาท่านประธานปาร์ค จินยองด้วยคำสั่งด่วนโดยไม่มีใครกล้าปฎิเสธแม้แต่คนชอบเถียงอย่างอ๊ก แทคยอนเองก็ตาม
“คือ...พวกเราก็แค่ ทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะครับ ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว”
เป็นแทคยอนที่เริ่มแก้ต่างให้คนอื่นๆตามปกติ เพราะไม่มีใครอาจหาญที่จะพูดอะไรออกมา ฉะนั้นจึงไม่แปลกหากร่างสูงจะเป็นคนเอ่ยปากออกมาเป็นแรกตามที่จินยองคิด
“นิดหน่อยงั้นหรอ? ฉันได้ข่าวมาว่าจุนซูหาเรื่องทะเลาะกับคุณ แถมยังไปทะเลาะโวยวายกับนายจนเสียงดังลั่นห้องต่ออีกรอบ นี่เรียกว่านิดหน่อยงั้นหรอ?...ยังดีนะที่หมดช่วงโปรโมตเพลงแล้วไม่งั้นก็คงไม่ต้องทำงานกันพอดี!”
ประธานจินยองถอนหายใจอย่างหนักอก ก่อนจะตัดสินใจบอกบทลงโทษที่ตนเรียกที่จะให้ทั้ง 6 คนได้รับก่อนจะปล่อยตัวกลับหอไปเก็บข้าวของ
“ในเมื่อช่วงนี้หมดงานพอดีกอปกับมีเรื่องมีราวกันในวงแบบนี้ ฉันจะให้พวกนายหยุดพักสมองกันซัก 1 อาทิตย์นะ พวกนายทุกคนจะต้องเก็บของกลับไปอยู่บ้านตัวเองจริงๆชั่วคราวจนกว่าที่ฉันจะสั่งให้กลับมา ฉันโทรแจ้งพ่อแม่พวกนายแล้วให้จับตาดูพวกนายในระหว่างที่กลับไปอยู่บ้านเพื่อเป็นการทำโทษ ส่วนแทคกับคุณไม่ต้องย้ายกลับบ้านอยู่ที่หอพักนั้นแหละ เพราะบ้านพวกนายทั้งคู่อยู่ไกลเกินไปดูแลไม่ทั่วถึง!...ไปได้แล้ว!”
โบกมือไล่ 6 หนุ่มออกจากห้องอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเตรียมตัวเรียกเหล่าสาวๆมิสเอมาคุยแผนเกี่ยวกับการคัมแบ็คตัวใหม่ของมิสเอและแผนส่ง เหล่า “วันเดย์” ไปตีตลาดที่ญี่ปุ่นต่อจากการทำโทษ 2พีเอ็ม
“เดี๋ยวก่อนครับ!...ผมขอค้าน ผม...ผมอยากให้แทคกลับแดกูกับผมด้วยครับพี่”
ให้อยู่นิชคุณสองต่อสองงั้นหรอฝันไปเถอะว่าตนจะยอมทำตามง่ายๆ! ก็พึ่งจะมีเรื่องกันไปเมื่อวานถ้าขืนปล่อยเอาไว้ ถ่านไฟที่ยังไม่มอดดีมันต้องคุกจนกรุ่นขึ้นมาอีกรอบแน่ๆ แค่คิด คิม จุนซูก็อกแทบแตกตายเสียแล้ว
“นี่เป็นคำสั่ง...คำสั่งก็คือคำสั่งนะจุนซูอย่าเรื่องเยอะจะได้หรือเปล่า?...หรือพอดังแล้วจะไม่ฟังคำสั่งกันงั้นหรอไง?”
คำตอกของปาร์ค จินยองทำเอา จุนซู เงียบปากแทบไม่ทัน แต่เพราะกำลังถูกมองด้วยสายตาตำหนิติเตียนด้วยสาเหตุที่ตนเป็นคนเริ่มก่อร่างโปร่งจึงจำต้องสงบปากสงบคำให้แน่นแล้วก้มหน้ายอมรับอย่างเจ็บใจตัวเองขึ้นมาเสียเฉยๆที่พูดอะไรออกไปมากกว่านี้ไม่ได้อีก
หากตนต้องเดินออกห่างจากบ้านพักถึง 7 วัน เพื่อไปอยู่แดกูแล้วทิ้งให้แทคยอนต้องอยู่กับนิชคุณ 2ต่อ2 อนาคตของจุนซูก็ยิ่งมืดมัวเข้าไปอีกยกใหญ่ จนคิม จุนซูอยากอาละวาดเสียให้หน่ำใจ อยากเดินเข้าไปประทุษร้ายใบหน้าหวานๆที่ทำเหมือนตัวเองบริสุทธิ์และถูกรังแกเสียเต็มดา ถ้าไม่ติดที่ว่าอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะแยะ และตนจำเป็นต้องซ่อนหางจิ้งจอกที่กำลังจะหลุดออกมาให้ดีๆแล้วละก็ป่านี้ นิชคุณไม่ได้ยืนทำตัวเป็นสโนวไวท์ในเทพนิยายแบบนี้แน่!
...ก็ถ้านิชคุณจะเป็นสโนวไวท์แล้วจะแปลกอะไรที่ตนจะเลือกเป็นแม่มดกันเล่า?...
-TBC# 6-
TALK :: หายไป 2 วันขอโทษมากมายคะ พอดีมีธุระเยอะแยะไปหมดเลยได้แต่แอบเข้ามาดูเป็นพักๆแต่ไม่ได้เอาฟิคมาลง วันนี้เอามาลงแล้วนะคะ ขอโทษอย่างแรง ช่วงนี้งานเริ่มมากแล้วคะ เพราะงั้นอาจจะลงได้ 2 วัน 1 ตอนนะคะ แต่ถ้ามีเวลาก็จะลงให้ทุกวันแหละคะ เอาเป็นว่าขอบคุณที่ติดตามกันคะ เจอกันตอน 6 นะคะ *โค้ง*
ปล.ตอนหน้าแทคคุณเยอะนิดนะคะหลังจากไม่ได้เจอกันแบบ 2 ต่อ 2 มา 2 ตอนติดๆเซอร์วิสรักรันทดหน่อยแล้วกันนะคะ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น